หนุ่มยอมรับ กุเรื่องร่อนทอง จัดฉากโยนพระ-เหรียญลงคลอง อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์
หนุ่มยอมรับกุเรื่องร่อนทอง จัดฉากสร้างกระแสอยากดังข้ามคืน กล่าวขอโทษทุกคนที่แห่กันไปร่อนทอง รวมทั้งถึงส่วนราชการทุกส่วนที่ทำให้เดือดร้อน ไม่มีเจตนาหลอกลวงใครเกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์
จากกรณีที่นายกรภัทร อายุ 33 ปี ได้โพสต์เรื่องราวของการไปร่อนทองในคลองชลประทาน ต.ดอนตะโก อ.เมือง จ.ราชบุรี พร้อมได้นำทองที่ร่อนได้ไปตรวจสอบกับทางร้านทอง ซึ่งระบุเป็นทองจริง จนสร้างความแตกตื่น ทำให้ชาวบ้านจากจังหวัดราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียง พาอุปกรณ์มาร่อนทองกันเป็นจำนวนมาก จนทางภาครัฐต้องลงมาตรวจสอบ พร้อมสั่งปิดพื้นที่บริเวณคลองชลประทาน เพื่อห้ามไม่ให้ชาวบ้านมาร่อนทอง เนื่องจากเกรงจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 และเข้าข่ายกระทำความผิด พ.ร.บ.แร่ ดังมีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 มกราคม นายกรภัทร ผู้ที่ออกมาโพสต์พบทองดังกล่าว ได้ออกมายอมรับกับทางการว่า เรื่องราวทั้งหมดเขาเป็นคนกุเรื่องขึ้นมา ความจริงทองที่นำมาโชว์ก็เป็นทองที่ได้มาจากในคลองชลประทานจริง โดยเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไปหาหอยที่คลองดังกล่าว แต่เผอิญเหลือบไปเห็นจี้ทองคำ เลยหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นทองจริง ๆ เลยตัดสินใจกลับไปที่บ้านแล้วไปเอาเครื่องตรวจจับโลหะ มาค้นหา และไปเจอพวกเศษทองรูปพรรณเพิ่มอีกหลายเม็ด เลยนำกลับมาที่บ้าน แล้วถ่ายรูปเก็บไว้หลังจากนั้นวันที่ 15 ม.ค.จึงนำรูปดังกล่าวโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว และปรากฏเป็นข่าว จึงทำให้ชาวบ้านหลายคนแห่ไปร่อนทองที่คลองชลประทาน
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านเจอพระเครื่องในคลองยอมรับว่า เป็นคนเอาพระกับเหรียญเก่า ๆ ไปโยนไว้ในคลอง เพียงแค่หวังว่าหากชาวบ้านไปเจอจะได้มีความเชื่อใจ หลังจากที่เขานำเรื่องราวไปโพสต์ ด้วยสำนึกผิดจึงตัดสินใจออกมายอมรับความจริง
พร้อมกล่าวขอโทษชาวราชบุรี ทุกคนที่แห่กันไปร่อนทอง รวมทั้งขอโทษส่วนราชการทุกส่วนที่ทำให้เดือดร้อน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงใคร เกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ด้านนายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมืองราชบุรี กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับคำสารภาพจากน้องเขาแล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริงทั้งทั้งหมด มีจริงบ้างเท็จบ้างปะบนกันไปเป็นการคึกคะนอง แต่ถ้าเข้าข้อมูลเป็นเท็จตาม พรบ.คอมผิวเตอร์ ต้องดูรรายละเอีอดกัน ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ หากมีผู้ใดเสียหายก็จะร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีได้ ก็ไม่อยากให้ใครทำบ่อย ๆ เพราะวุ้นวายกันไปหมด ยิ่งในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติแบบนี้ก็เกรงจะเกิดการติดเชื้อโรคกัน เมื่อมารับสารภาพแล้วจะได้รู้เรื่องจริงเรื่องเท็จสังคมจะได้รับรู้