รีเซต

สธ. ชี้ โลกจับตาโควิดสายพันธุ์ 'มิว' หวั่นดื้อวัคซีน ไทยเข้ม ถอดรหัสไวรัสทั้งตัวถึงสิ้นปี

สธ. ชี้ โลกจับตาโควิดสายพันธุ์ 'มิว' หวั่นดื้อวัคซีน ไทยเข้ม ถอดรหัสไวรัสทั้งตัวถึงสิ้นปี
มติชน
6 กันยายน 2564 ( 13:07 )
52

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการเฝ้าระวังสายพันธุ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า สายพันธุ์ที่อยู่ในไทยมี 3 สายพันธุ์ คือ แอลฟา เดลต้า และเบต้า โดยสถานการณ์ปัจจุบันเดลต้ายังครองเมือง พบครบทุกจังหวัด ในแต่ละสัปดาห์พบมากพบน้อยแตกต่างกันไป

 

 

“ส่วนสายพันธุ์เบต้า ยังจำกัดวงอยู่ภาคใต้ ที่เคยพบในกรุงเทพมหานคร และ จ.บึงกาฬ จบไปแล้ว ไม่พบจังหวัดอื่นๆ โดยสัปดาห์ล่าสุด พบในเขตสุขภาพที่ 12 คือ นราธิวาส 28 ราย ปัตตานี 2 ราย และ ยะลา 1 ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ตรวจไปแล้วเกือบ 13 ล้านตัวอย่าง ด้วยวิธีมาตรฐานอาร์ที-พีซีอาร์ (RT-PCR) ซึ่งมีส่วนที่ไม่ได้รายงานเข้าระบบจำนวนหนึ่ง ในช่วงที่ชุลมุนมากๆ บางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) อาจไม่ได้รายงานข้อมูลครบถ้วน จึงเข้าใจว่าอาจถึง 15 ล้านตัวอย่าง แล้ว นับเป็นตัวเลขไม่น้อย ยิ่งช่วงหลังระบาดมากก็ตรวจมากขึ้น” นพ.ศุภกิจ กล่าว

 

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ในระดับโลกมีการจัดชั้นของการกลายพันธุ์ ซึ่งการกลายพันธุ์เกิดขึ้นตลอดเวลา โดยการกลายพันธุ์ขณะนี้มีเป็นร้อย เป็นหางว่าว แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) มีการจัดชั้น เริ่มต้นเรียกว่า เป็นการกลายพันธุ์ที่อยู่ในความสนใจ เช่น อาจกลายพันธุ์ที่อาจแพร่ได้ หรือดื้อต่อวัคซีนได้ หรือมีความผิดปกติมากขึ้น ก็จะจัดชั้นเป็น Variants of Concern(VOI) ก่อน ส่วนชั้นที่น่าห่วงและกังวล Variant of Concern (VOC) ขณะนี้มีอยู่ 4 ตัว คือ แอลฟา เดลต้า เบต้า และแกรมมา

 

“ซึ่งแกรมมา เป็นบราซิลเดิม แต่ไม่พบในไทย เคยพบในสถานกักกันโรค (State Quarantine) แต่ควบคุมได้ และไม่หลุดออกไป ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีแอลฟา เดลต้า และเบต้า โดยลักษณะแตกต่างกัน ส่วนสายพันธุ์มิว (Mu) ยังถูกจัดชั้นว่า น่าสนใจ แต่ยังไม่ใช่สายพันธุ์น่ากังวล รวมไปถึงสายพันธุ์ C.1.2 ก็ยังไม่ได้ถูกจัดชั้นอะไรทั้งหมด และยังไม่ได้ถูกจัดชื่ออะไร สำหรับสายพันธุ์ C.1.2 ที่มาก่อนหน้านั้น

 

 

โดยนักวิทยาศาสตร์ ตรวจพบว่า มีการกลายพันธุ์ในจุดตำแหน่งที่เคยอยู่ในเบต้า แกรมมา เช่น E484K ซึ่งพวกนี้หลบภูมิคุ้มกัน หรือพูดง่ายๆ ดื้อวัคซีน โดยมีทั้งส่วน N501Y ของแอลฟาเดิมที่แพร่เร็ว เป็นต้น ดังนั้น การกลายพันธุ์ในหลายๆ ตำแหน่งของเขา ทำให้ C.1.2 ต้องจับตาดู แต่ขณะนี้ยังค่อนข้างจำกัด โดยทั้งโลกพบมากในแอฟริกาใต้ โดยแอฟริกาใต้พบ 117 รายคิดเป็น ร้อยละ 85 ของที่เจอทั้งหมด แต่ไม่ได้แปลว่าแอฟริกาใต้มีทั้งร้อยละ 85 แต่อาจมีอยู่นิดหน่อย อาจมีสายพันธุ์อื่นๆ ร่วมด้วย

 

 

ซึ่งสายพันธุ์นี้มีอัตราการกลายพันธุ์สูงกว่าสายพันธุ์อื่น แต่ยังไม่ต้องกังวล พบเราเจอร้อยละ 3 เท่านั้น สายพันธุ์ส่วนใหญ่ยังเป็นเดลต้า ที่สำคัญประเทศไทยมีการเฝ้าระวังมาตลอด ปัจจุบันยังไม่เจอสายพันธุ์นี้ประเทศ” นพ.ศุภกิจ กล่าว

 

 

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า สายพันธุ์มิว Mu (B.1.621) ทั่วโลก ยังพบน้อยมาก ร้อยละ 0.1 โดยในสหรัฐอเมริกา 2,400 ตัวอย่าง โคลัมเบีย 965 ตัวอย่าง เม็กซิโก 367 ตัวอย่าง สเปน 512 ตัวอย่าง เอกวาดอร์ 170 ตัวอย่าง มีญี่ปุ่นเล็กน้อย แต่ยังไม่ได้พบในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

 

“ทั้งนี้ ในโคลัมเบียเป็นที่แรก ซึ่งเจอสายพันธุ์มิว ประมาณ ร้อยละ 40 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบแล้วใน 39 ประเทศ องค์การอนามัยโลกจัดอันดับเป็น VOI ขอย้ำว่า สายพันธุ์มิวยังต้องติดตามต่อไป เพราะมีการกลายพันธุ์ที่พบว่า หลีกหนีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติได้ดีกว่าเดิม เนื่องจากพบการกลายพันธุ์ที่ส่งผลให้ Antigenic change ได้แก่ E484K แต่ยังไม่มีรายงานเรื่องอื่น ส่วนที่ว่าแพร่เร็วหรือไม่ ข้อมูลยังไม่ได้ยืนยันขนาดนั้นเมื่อเทียบกับเดลต้า ส่วนติดเชื้อง่ายหรือไม่ก็ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ ขณะที่หลบภูมิต้านทานก็อาจมีปัญหา แต่วันนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าคนที่ป่วยแล้วกลับมาป่วยอีกมากน้อยแค่ไหน โดยรวมจึงยังไม่น่าวิตก แต่เรายังติดตามต่อเนื่อง” นพ.ศุภกิจ กล่าวย้ำ

 

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย เฝ้าระวังสายพันธุ์สัปดาห์ละ 1 พันกว่าราย รวมการตรวจ อาร์ที-พีซีอาร์ และตรวจจีโนมทั้งตัว เดิมเคยกำหนดว่า กลุ่มที่มาจากต่างประเทศ อยู่ชายแดน บุคลากรทางการแพทย์ คนอาการหนักได้มีการตรวจกลุ่มนี้มากขึ้น และกระจายพื้นที่มากๆ หรือมีคลัสเตอร์แปลกๆ โผล่ขึ้นมา ซึ่งการสุ่มตรวจแบบนั้นเป็นลักษณะหาของใหม่ที่จะหลุดเข้ามา แต่อาจไม่ได้บอกเป็นตัวแทนการติดเชื้อในไทย จึงจะขอปรับกลุ่มเป้าหมาย และจะตรวจให้มากขึ้น ซึ่งรายละเอียดจะพิจารณาว่า จะเป็นอย่างไร เพื่อให้เห็นความชุกของไทย จากอดีตตรวจกรุงเทพฯ มาก ตรวจต่างจังหวัดน้อยกว่า อาจไม่เหมาะในการบอกภาพรวม จึงต้องปรับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งเข้ามาใหม่ต้องดักให้เจอ และข้อมูลของเราต้องเป็นตัวแทนภาพรวมของประเทศได้

 

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้จะมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) โดยจากนี้ไปถึงเดือนธันวาคม 2564 จะตรวจให้ได้ 1 หมื่นตัวอย่าง โดยจะมีน้ำยาให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์แต่ะละพื้นที่ไปตรวจ

 

 

“อย่างวันนี้ ก็จะให้ทาง จ.ภูเก็ต ตรวจเพิ่มขึ้น และให้รู้ว่าที่ภูเก็ตเอง มีเดลต้ากี่เปอร์เซนต์ โดยการตรวจพันธุกรรมทั้งตัว มีที่กรมวิทยาศาสตร์ฯ และเครือข่ายของเรา ทั้ง มอ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รพ.รามาธิบดี โดยกรมวิทยาศาสตร์ฯ ตรวจประมาณ 9,000 ตัวอย่าง เครือข่ายอีก 4,000 ตัวอย่าง จากนั้นจะมีการประสานกับศูนย์ข้อมูลระดับโลก จีเสส (GISAID) โดยจะรายงานทุก 2 สัปดาห์ ซึ่งการรายงานบ่อยๆ อาจเจอสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทยก็ได้ ดังนั้น อย่าตกใจ สำหรับสายพันธุ์ที่เราเคยแถลงก่อนหน้านี้ คือ AY ของเดลต้านั้น มี AY 12 เพิ่มเล็กน้อย แต่จีเสส บอกว่า ตัวเลขรหัสอาจไม่ถูกต้อง จึงขอเคลียร์ระดับโลกก่อน และจะชี้แจงอีกครั้งว่า ลูกของเดลต้าไปถึงไหน อย่างไร แต่วันนี้ไม่มีปัญหา การรักษาพยาบาลยังเหมือนเดิม” นพ.ศุภกิจ กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง