TEGHเดินหน้าEUDR ปีนี้ยอดขายแสนตัน
#TEGH #ทันหุ้น – TEGH เดินหน้ามาตรฐาน EUDR พร้อมทั้งซัพพลายเชน ลุยออเดอร์ลูกค้ายุโรป มั่นใจปี 2567ขายได้ราว 1 แสนตัน และจะแตะ 2 – 2.5 แสนตันในปี 2568 มองราคายางดีต่อเนื่อง เก็งปี2567 เคลื่อนไหว 65-70 บาทต่อกิโลกรัม คาดไตรมาส 2/2567 งบดีต่อเนื่อง อานิสงส์ส่งออก เงินบาทอ่อนค่า โบรกมอง ราคาหุ้นที่อ่อนตัว เริ่มเห็น Upside ชี้เป้า 4.10 บาท
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เปิดเผยถึง ประเด็นกฎหมายว่าด้วยการทำการเกษตรที่ต้องไม่บุกรุกทำลายพื้นที่ป่าไม้ หรือ EUDR (EU Deforestation Regulation) ของสหภาพยุโรป (อียู)นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละอุตสาหกรรมว่าใครที่จะสามารถเป็น First Mover หรือเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมนั้นๆ แต่ในส่วนของอุตสาหกรรมยางพารา ยังเดินหน้าในส่วนนี้ต่อเนื่อง โดยซัพพลายเชนก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว ทำให้ปี 2567 บริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถส่งออกยางพาราตามมาตรฐาน EUDR ได้ราว 1 แสนตันตามเป้าหมาย และจะแตะ 2 – 2.5 แสนตันในปี 2568 ตามเป้าหมายที่กำหนด
*EUDR เดินหน้า
“ต้องยอมรับว่า EUDR มีในหลายอุตสาหกรรม แต่ในส่วนของยางพารา ก็ต้องขึ้นอยู่กับใครมีความพร้อม แต่ของบริษัทซัพพลายเชนมีการดำเนินการแล้วเชื่อว่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะยุโรปให้ความสำคัญในส่วนนี้ รวมไปถึงกลุ่มที่มีโรงงานในยุโรป อาทิ อินเดีย ญี่ปุ่นเป็นต้น แต่ในจีนก็อาจจะต้องรอเพราะอาจจะยังไม่ได้เห็นการเดินหน้าชัดเจน ทั้งนี้การเกิดประเด็นดังกล่าวก็มองว่าเป็นผลดีเพราะจะทำให้ราคาวัตถุดิบกลับมาสมดุลมากขึ้น เพราะปัจจุบันราคายางที่เป็น EUDRมีราคาสูงมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น” นางสาวสินีนุช กล่าว
ขณะที่ธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและการบริหารจัดการกากอินทรีย์ ก๊าซชีวภาพ (Biogas) เตรียมเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ผลิตก๊าซชีวภาพเฟสที่ 2 ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรับกากอินทรีย์เพิ่มขึ้นอีกวันละ 700 ตัน และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 70,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีลูกค้ารับซื้อแล้วเกือบทั้งหมด และมีอีกหลายรายที่ให้ความสนใจเข้ามาเจรจา เนื่องจากเป็น Biogas ที่ผลิตจาก Green Energy สามารถสนับสนุนการดำเนินธุรกิจตามหลัก BCG Model ช่วยส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของทั้งกลุ่มบริษัทและคู่ค้าทุกราย
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่าทางการสหรัฐได้ส่งจดหมายถึง คณะกรรมาธิการยุโรป ขอชะลอการใช้มาตรฐาน EUDR ทั้งนี้ EUDR ใช้กับสินค้าหลายประเภท อาทิ โกโก้ กาแฟ ถั่วเหลือง ยางพารา น้ำมันปาล์ม เนื้อวัว และไม้ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสินค้าข้างต้น ซึ่งผู้ผลิตต้องพิสูจน์ว่าในกระบวนการผลิตไม่มีการตัดไม้ทำลายป่าโดยคาดว่าจะกระทบต่อบางอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของวัตถุดิบได้เท่านั้น อาทิ กระดาษและเยื่อกระดาษ ขณะที่อุตสาหกรรมยางคาดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องชะลอการใช้เกณฑ์ดังกล่าวออกไป เนื่องจากสามารถระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ได้ (เป็นพื้นที่เกษตร ไม่ใช่ป่าไม้)
*ราคาหุ้นมีอัพไซด์
ทั้งนี้มีมุมมองที่ดีขึ้นหลังผู้ผลิตหลัก (จีนและยุโรป) ยังมีแนวโน้มนำเข้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาทำให้เริ่มมี Upside โดยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 4.10 บาท อิง PER 10 เท่า จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”