รีเซต

“ทรีนีตี้” มองหุ้นไทย พ.ย. แนะจุดเข้ารับ 5 หุ้นโฟกัส

“ทรีนีตี้” มองหุ้นไทย พ.ย. แนะจุดเข้ารับ 5 หุ้นโฟกัส
ทันหุ้น
3 พฤศจิกายน 2568 ( 16:01 )
8

#ทันหุ้น - “ทรีนีตี้”  ให้กรอบดัชนีหุ้นเดือนพฤศจิกายน ที่ระดับ 1260-1350 จุด  โดยมีกรอบแนวรับแรกที่ระดับ 1290 จุด และกรอบแนวต้านแรกที่ระดับ 1330 จุด หุ้นย่อตัวให้ใช้เป็นจังหวะเข้าสะสม  หุ้น Domestic play และกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่ม  Bond-like ที่มีคุณลักษณะ Defensive เช่น กลุ่ม Utilities ถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการพักเงิน ในช่วงนี้ แนะหุ้น CPAXT, KTC, LH, ERW, BGRIM เป็นต้น

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นเดือนพฤศจิกายนว่า คาดว่า SET Index จะอยู่ในโหมดทรงตัวให้กรอบดัชนีที่ระดับ 1260-1350 จุด  โดยมีกรอบแนวรับแรกที่ระดับ 1290 จุด และกรอบแนวต้านแรกที่ระดับ 1330 จุด

ภาพรวมการลงทุนในเดือนนี้ ช่วงแรกอาจมีปัจจัยบวกอยู่บ้างตามทิศทางของตลาดหุ้นโลก ที่น่าจะยังคงมี Sentiment บวก เกี่ยวกับดีลการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ล่าสุดจีนประกาศเตรียมระงับการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากต่างๆ  และมีแนวโน้มยุติการสอบสวนที่มุ่งเป้าไปที่บริษัทในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ  ซึ่งอาจทำให้สหรัฐฯ อาจชะลอการเก็บ “ภาษีตอบโต้”  บางรายการต่อสินค้าจีนออกไปอีกหนึ่งปี

นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากผลประกอบการของหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ที่ในภาพรวมส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อาจส่งผลให้หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯ ขนาดใหญ่ของไทย เช่น  DELTA ยังคงเป็นหุ้นที่ช่วยประคองดัชนีได้ นอกจากนั้น หุ้นในกลุ่มพลังงานอาจได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ หลังกลุ่ม OPEC+ ตัดสินใจที่จะระงับการเพิ่มการผลิตในไตรมาสแรกของปีหน้าไว้ก่อน หลังจากที่การประชุมล่าสุดมีมติให้เพิ่มกำลังผลิตในเดือนธันวาคมอีก 137,000 บาร์เรลต่อวัน แต่เป็นระดับเดียวกันกับที่เพิ่มไปเมื่อเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนที่ผ่านมา 

ในทางกลับกัน ปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศที่อาจต้องติดตามตลอดทั้งเดือนนี้มองไปยังการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจริงต่างๆโดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งถ้าหากออกมาทิศทางอ่อนแอ อาจส่งผลกดดันต่อหุ้นในกลุ่มวัฏจักรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่เริ่มลังเลต่อการลดดอกเบี้ยในช่วงถัดไปมากขึ้น แนะติดตามการออกมาแสดงความคิดเห็นของกรรมการ Fed สาขาต่างๆตลอดทั้งเดือนนี้ หากมีทิศทางที่ Hawkish มากขึ้น อาจส่งผลกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงได้

นายณัฐชาต กล่าวว่า ส่วนของปัจจัยภายในประเทศที่จะส่งผลต่อการลงทุนในเดือนนี้คือ  การประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3 ปี 2568 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศ ซึ่งอาจออกมามีทิศทางที่ไม่ดีนัก โดยเฉพาะกลุ่มที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic play) และกลุ่มท่องเที่ยว (Tourism) อาทิ ค้าปลีก ไฟแนนซ์ อสังหาฯ และโรงแรม

อย่างไรก็ตาม มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ (Buy on fact) ที่น่าสนใจ เพราะเชื่อว่าข่าวร้ายที่เกิดกับกลุ่มนี้น่าหมดลงแล้ว และรอรับปัจจัยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากมาตรการของรัฐบาลที่มีสัญญาณดีขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 หนุนให้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น  ประกอบกับการเข้าสู่ High season ของฤดูกาลท่องเที่ยวพอดี ซึ่งจะหนุนให้ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเหล่านี้กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4  ปีนี้

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะให้เริ่มเข้าสะสมหุ้นที่ระดับดัชนี 1290 จุด โดยโฟกัสหุ้นในกลุ่ม Domestic play  กลุ่ม Tourism และกลุ่ม Defensive มองหุ้นเด่นประจำเดือนนี้ ได้แก่  CPAXT, KTC, LH, ERW, BGRIM เป็นต้น

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง