รีเซต

Bitcoin เงินไหลเข้า 8 พันล้านดอลลาร์ แต่ราคายังนิ่ง เพราะขาดแรงหนุนจาก ETF

Bitcoin เงินไหลเข้า 8 พันล้านดอลลาร์ แต่ราคายังนิ่ง เพราะขาดแรงหนุนจาก ETF
ทันหุ้น
3 พฤศจิกายน 2568 ( 10:44 )
23

Bitcoin เงินไหลเข้า 8 พันล้านดอลลาร์ แต่ราคายังนิ่ง เพราะขาดแรงหนุนจาก ETF

ข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชน CryptoQuant ระบุว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “Realized Cap” ของ Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ จนแตะระดับ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์

ตัวเลขนี้หมายถึง “มูลค่ารวมของเหรียญทั้งหมดตามราคาที่ถูกย้ายครั้งล่าสุด” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปริมาณเงินลงทุนจริงที่ผู้ถือ Bitcoin ลงทุนอยู่ในระบบ

แหล่งเงินหลักมาจากบริษัท Treasury และ ETF

Ki Young Ju ซีอีโอของ CryptoQuant อธิบายว่า เงินใหม่ที่หลั่งไหลเข้ามานั้นมาจากสองกลุ่มหลักคือ

  • บริษัทที่ถือ Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรอง เช่น Strategy (MicroStrategy) ของ Michael Saylor
  • และกองทุน Spot Bitcoin ETF ที่เปิดซื้อขายในตลาด

ที่มา: CryptoQuant

อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่า การฟื้นตัวของราคาจะยังไม่เกิดขึ้นเต็มที่จนกว่า “สองกลุ่มนี้จะกลับมาซื้ออย่างจริงจังอีกครั้ง”

ตอนนี้ความต้องการหลักมาจาก ETF และ MicroStrategy ซึ่งทั้งคู่ชะลอการซื้อในช่วงที่ผ่านมา หากสองช่องทางนี้กลับมา ตลาดก็จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง” — Ki Young Ju กล่าว

ที่มา: CryptoQuant

นักขุดขยายเหมือง – สัญญาณบวกระยะยาว

แม้ตลาดจะซบ แต่ฝั่งนักขุดกลับขยายการลงทุนต่อเนื่อง โดย Hashrate ของ Bitcoin ยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็น “สัญญาณเชิงบวกในระยะยาว”

นักขุดรายใหญ่หลายรายกำลังเพิ่มเครื่องขุดรุ่นใหม่ เช่น

  • บริษัท American Bitcoin ที่มีความเชื่อมโยงกับครอบครัวทรัมป์ ได้สั่งซื้อเครื่อง ASIC กว่า 17,280 เครื่อง มูลค่ารวม 314 ล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพการขุด

ราคามีโอกาสแตะ $140,000 ในเดือนพฤศจิกายน

แม้ภาวะตลาดจะยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่นักวิเคราะห์จาก Bitfinex Exchange คาดว่า หากกระแสเงินจาก ETF กลับมา และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม Bitcoin อาจทะยานแตะ $140,000 ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

เราคาดว่า Bitcoin อาจพุ่งขึ้นไปถึง $140,000 หากมีกระแสเงินไหลเข้า ETF ระหว่าง $10–15 พันล้านดอลลาร์ พร้อมแรงหนุนจากการลดดอกเบี้ยของ Fed และฤดูกาล Q4 ที่มักเป็นขาขึ้นของตลาดคริปโต” — นักวิเคราะห์จาก Bitfinex กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงยังคงอยู่ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายภาษีการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

บทสรุป

แม้ราคาจะยังไม่กลับมาพุ่งแรง แต่สัญญาณจากออนเชนชี้ว่า “Bitcoin ยังดูดเงินเข้าสู่ระบบได้ต่อเนื่อง” แรงซื้อจากสถาบันและนักขุดคือแรงผลักดันสำคัญของระยะยาว และหาก ETF ฟื้น — กระแสใหม่อาจพา Bitcoin กลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง

อ้างอิง : cointelegraph.com

ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/bitcoin-8b-inflows-etf-slowdown-miners-expansion-q4

อียูเตรียมรวมศูนย์กำกับตลาดหุ้นและคริปโต ตั้ง “หน่วยกำกับดูแลกลาง” แบบ SEC สหรัฐฯ

สหภาพยุโรป (EU) เตรียมเสนอแผนการใหญ่ในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อจัดตั้ง “หน่วยกำกับดูแลกลาง” ที่จะควบคุมตลาดหุ้น, ตลาดคริปโต, และระบบชำระราคา (Clearing Houses) ทั้งหมดในภูมิภาค ภายใต้รูปแบบเดียวกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC)

เป้าหมาย: รวมตลาดทุนยุโรปให้เป็นหนึ่งเดียว

โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “Capital Markets Union” หรือ “สหภาพตลาดทุนยุโรป” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดความซับซ้อนในการขออนุญาตจากหน่วยงานท้องถิ่นหลายแห่ง และเปิดโอกาสให้ สตาร์ทอัพด้านการเงินขนาดเล็ก (Fintech/DeFi) สามารถขยายบริการข้ามพรมแดนได้ง่ายขึ้น

คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ระบุว่าแผนนี้จะถูกเสนออย่างเป็นทางการใน เดือนธันวาคม 2025

แนวคิด “ขยายอำนาจ ESMA” เพื่อคุมทั้งตลาดหุ้นและคริปโต

หนึ่งในแนวทางที่กำลังพิจารณาคือ การเพิ่มอำนาจให้กับหน่วยงาน European Securities and Markets Authority (ESMA) เพื่อให้ดูแลบริษัทและแพลตฟอร์มที่มีธุรกรรมข้ามประเทศ เช่น

  • ตลาดหลักทรัพย์ (Stock Exchanges)
  • แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต (Crypto Exchanges)
  • ระบบโครงสร้างหลังการซื้อขาย (Post-trading Infrastructure)

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก Financial Times (FT) ระบุว่า แนวคิดนี้ “ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียง” เพราะบางประเทศ เช่น ลักเซมเบิร์กและดับลิน กังวลว่าอียูอาจไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศขนาดเล็กที่เป็นศูนย์กลางการเงิน

Christine Lagarde หนุนเต็มตัว

Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) และอดีตผู้นำ IMF สนับสนุนแนวทางนี้อย่างเต็มที่ พร้อมกับ Mario Draghi อดีตประธาน ECB โดยมองว่า การรวมศูนย์กำกับ จะช่วยให้ยุโรปมีระบบตลาดทุนที่มั่นคงและแข่งขันได้กับสหรัฐฯ

Lagarde ยังสนับสนุนแนวคิด ตลาดหลักทรัพย์ยุโรปเดียว (Single European Stock Exchange)” ตามข้อเสนอของเยอรมนี ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญต่อการรวมตลาดการเงินของยุโรป

เดินหน้าไปพร้อมกับแผนออก “ยูโรดิจิทัล” และสินทรัพย์โทเคน

ในช่วงที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรปและรัฐมนตรีคลังของอียูมีท่าทีชัดเจนในการรวมศูนย์การกำกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดย

  • สนับสนุนการพัฒนา เงินสกุลดิจิทัลของธนาคารกลางยุโรป (Digital Euro / CBDC)
  • และเตรียมเสนอแผน Tokenization ของสินทรัพย์โลกจริง (Real-World Assets: RWA) ในเดือนธันวาคมนี้

ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันระบบการเงินยุโรปให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

ขั้นตอนต่อไป

หากคณะกรรมาธิการยุโรปเสนอแพ็กเกจดังกล่าวในเดือนธันวาคมจริง จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายปกติ (Ordinary Legislative Procedure) ผ่านการพิจารณาของ รัฐสภายุโรป (European Parliament) และ สภาสหภาพยุโรป (European Council)

คาดว่ากระบวนการเจรจาและปรับแก้อาจใช้เวลายาวไปถึงปี 2026

อ้างอิง : theblock.co

ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/eu-sec-style-supervisor-crypto-stock-exchanges

ทุนไหลเข้า Solana ETF ต่อเนื่อง 4 วันติด! นักลงทุนแห่หมุนเงินออกจาก Bitcoin และ Ether

กองทุน Solana ETF ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบันทึกการไหลเข้าของเงินทุนเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ท่ามกลางกระแส “Capital Rotation” หรือการหมุนเงินจากกองทุน Bitcoin และ Ether มาสู่สินทรัพย์ใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

ข้อมูลจาก SoSoValue ระบุว่า ในวันศุกร์ที่ผ่านมา กองทุน Spot Solana ETF มีเงินไหลเข้าสุทธิ $44.48 ล้านดอลลาร์ ทำให้ยอดรวมเงินลงทุนสะสมแตะ $199.2 ล้านดอลลาร์ และสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมมากกว่า $502 ล้านดอลลาร์

ในบรรดากองทุนทั้งหมด Bitwise Solana ETF (BSOL) นำโด่งเป็นผู้นำตลาด โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 4.99% ต่อวัน

ETF ของ Solana มีเงินไหลเข้า ที่มา: SoSoValue

ขณะที่ Bitcoin และ Ether เจอแรงขายทำกำไร

ในทางกลับกัน กองทุน Spot Bitcoin ETF มียอดเงินไหลออกสุทธิกว่า $191.6 ล้านดอลลาร์ ในวันเดียว
และมียอดไหลออกสะสมในสัปดาห์ที่ผ่านมารวมกว่า $1.1 พันล้านดอลลาร์

ขณะที่ Spot Ether ETF ก็ไม่ต่างกัน โดยมีเงินไหลออกกว่า $98.2 ล้านดอลลาร์ ลดมูลค่ารวมเหลือเพียง $14.37 พันล้านดอลลาร์

สัญญาณเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงการ “หมุนเงิน” ของนักลงทุน — จากสินทรัพย์หลัก (Bitcoin และ Ether) ที่เพิ่งทำกำไรไปมากในรอบที่ผ่านมา มาสู่สินทรัพย์รองที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น Solana

นักลงทุนหันมาหา “ยีลด์” และโอกาสใหม่ใน Solana

Vincent Liu, ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Kronos Research กล่าวกับ Cointelegraph ว่า

กระแสเงินที่ไหลเข้าสู่ Solana ETF มาจากการหมุนทุนหลังการทำกำไรของ BTC และ ETH พร้อมแรงหนุนจาก narrative ใหม่และยีลด์จากการ staking”

เขาเสริมว่าแนวโน้มนี้อาจยังดำเนินต่อในสัปดาห์หน้า

ตราบใดที่ Bitcoin และ Ether ยังอยู่ในช่วงพักตัว การหมุนทุน (rotation) จะยังคงดำเนินต่อไป เว้นแต่จะมีข่าวเศรษฐกิจมหภาคที่สร้างความผันผวน”

คลื่นลูกใหม่ของกองทุนคริปโต

การเปิดตัวของ Bitwise Solana Staking ETF (BSOL) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ กองทุนนี้เปิดตัวด้วยสินทรัพย์เริ่มต้นกว่า $222.8 ล้านดอลลาร์ และมอบผลตอบแทนจากการ staking สูงถึง 7% ต่อปี

นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวกองทุนใหม่อีกหลายกอง เช่น

  • Canary’s Litecoin ETF
  • Canary’s Hedera ETF
  • รวมถึงการเตรียมแปลง Grayscale Solana Trust ให้กลายเป็น ETF อย่างเป็นทางการ

ในขณะเดียวกัน ฮ่องกง ก็เพิ่งอนุมัติ Spot Solana ETF กองแรกของประเทศ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งสัญญาณชัดเจนว่า Solana กำลังกลายเป็นสินทรัพย์กระแสหลักในระดับโลก

บทสรุป: ทุนกำลัง “หมุน” และ Solana กำลัง “ดูด”

การที่กองทุน Solana ETF มีเงินไหลเข้า 4 วันติด สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อ narrative ใหม่ในตลาดคริปโต —
โดยเฉพาะเมื่อ Bitcoin และ Ether เข้าสู่ช่วงพักฐาน

ขณะที่กระแส “staking yield” และ “network growth” ของ Solana ยังคงเร่งขึ้นต่อเนื่อง คำถามคือ...นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการหมุนรอบใหม่ในตลาดคริปโตหรือไม่?

อ่านข่าว cointelegraph.com

ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/solana-etf-inflows-continue

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง