รีเซต

กลุ่มบริษัทเอไอเองบQ3แกร่ง ตัวแทน-แบงก์หนุนVONBโต

กลุ่มบริษัทเอไอเองบQ3แกร่ง ตัวแทน-แบงก์หนุนVONBโต
ทันหุ้น
3 พฤศจิกายน 2568 ( 15:24 )
15

#เอไอเอ #ทันหุ้น กลุ่มบริษั่ทเอไอเอประกาศงบไตรมาส3 VONB ของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้น 25% เป็น 1,476 ล้านเหรียญสหรัฐเบี้ยประกันภัยรับปีแรกเพิ่มขึ้น 14% เป็น 2,550 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ เอไอเอประเทศไทยยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาด หนุนจากประกันคุ้มครอง และยูนิตลิงค์

นายหลี่ หยวน ซยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า เอไอเอ ยังคงดำเนินกลยุทธ์การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ไตรมาส 3 ของปี 2568 นี้ สามารถเพิ่มมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ได้ถึงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีการเติบโตแบบเลขสองหลักใน 11 ประเทศ

ช่องทางการขายของเรานับเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ ครอบคลุมถึงทั้งช่องทางพรีเมียร์ เอเจนซี่ และช่องทางพันธมิตรซึ่งสามารถสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งมากในไตรมาสนี้ ผมมั่นใจว่าการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องจะช่วยขยายพอร์ตธุรกิจที่มีอยู่ และผลักดันให้รายได้และการสร้างกระแสเงินสดเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

นอกจากนี้ เอไอเอ ยังได้ต้อนรับเซอร์ มาร์ค ทักเกอร์ กลับสู่เอไอเอในตำแหน่งประธานกรรมการอิสระตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ด้วยประสบการณ์ด้านการนำเชิงกลยุทธ์ที่โดดเด่น ความเข้าใจลึกซึ้งในภูมิภาคเอเชีย และชื่อเสียงระดับโลกของเซอร์ มาร์ค ผมมั่นใจว่าเราจะสามารถต่อยอดจากรากฐานแห่งความสำเร็จที่นิยามเอไอเอในวันนี้ และเดินหน้าสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนของเราต่อไป”

สรุปไตรมาสที่สาม

เอไอเอ สร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ได้ถึงร้อยละ 25 เป็นจำนวน 1,476 ล้านเหรียญสหรัฐใน   ไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ด้วยตัวเลขการเติบโตสองหลักใน 11 จากทั้งหมด 18 ประเทศ จากช่องทางการขายหลักของเอไอเอ

"ธุรกิจ พรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราอยู่ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรม โดยมีส่วนสร้างการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่ได้ถึงร้อยละ 19 คิดเป็นมากกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าธุรกิจใหม่จากทั้งกลุ่มบริษัท ขณะที่การสรรหาตัวแทนใหม่ที่เติบโตขึ้นร้อยละ 18 ช่วยสนับสนุนให้จำนวนตัวแทนที่ปฏิบัติงานอยู่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง"

ขณะเดียวกัน ช่องทางพันธมิตร มูลค่าธุรกิจใหม่ติบโตอย่างรวดเร็วถึงร้อยละ 46 โดยได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของช่องทางที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) และโบรกเกอร์ในฮ่องกง รวมถึงช่องทางการขายผ่านธนาคาร

เอไอเอ ฮ่องกง มีการเติบโตระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสนี้ ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ร้อยละ 40 โดยมีการเติบโตที่โดดเด่นจากทั้งกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ และนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงช่องทางพรีเมียร์ เอเจนซี่ซึ่งเป็นช่องทางหลักในฮ่องกงมีการเติบโตขึ้นร้อยละ 20 จากจำนวนตัวแทนที่ปฏิบัติงาน และประสิทธิภาพการขายที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังเห็นการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในช่องทางขายผ่านธนาคาร ขณะที่ช่องทางที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) และช่องทางโบรกเกอร์เติบโตมากกว่าสองเท่าจากปีที่ผ่านมา

เอไอเอ ประเทศจีน มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยมถึงร้อยละ 27 จากความร่วมมือกับโปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่โดดเด่น และความร่วมมือกับธนาคารชั้นนำของเราต่างเติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดจนผลิตภัณฑ์ด้านความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 

การกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 ทำให้ผลประกอบการ 9 เดือนของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ยังเป็นรากฐานแห่งความสำเร็จของเราในจีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยการผสมผสานตัวแทนมืออาชีพร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย ​​ซึ่งตอบสนองความต้องการทางการเงินของกลุ่มลูกค้าชนชั้นกลางและลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง

โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราเติบโตขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) มากกว่าร้อยละ 60 การสรรหาตัวแทนใหม่เติบโตแข็งแกร่ง โดยจำนวนผู้สมัครใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 ส่งผลให้จำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 

ซึ่งการขยายธุรกิจออกไปสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าธุรกิจใหม่จากพื้นที่ใหม่ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11 ของมูลค่าธุรกิจใหม่ของ เอไอเอ ประเทศจีน

ในประเทศไทย เอไอเอ ยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดอย่างชัดเจนและมีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ร้อยละ 20 ในไตรมาสที่สามของปี 2568 ความต้องการผลิตภัณฑ์คุ้มครองแบบดั้งเดิมและผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ของเราที่ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่รายงานในช่วงครึ่งปีแรกการมุ่งมั่นสรรหาตัวแทนที่มีคุณภาพของเราส่งผลให้จำนวนผู้สมัครตัวแทนใหม่และผู้นำหน่วยงานเพิ่มขึ้น

เอไอเอ สิงคโปร์ ประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) โดยได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งช่องทางการขายผ่านตัวแทนและพันธมิตร  ผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมนั้นเกิดจากการขายที่แข็งแกร่งของข้อเสนอด้านความมั่งคั่งของเราให้กับลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง และความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าต่างประเทศ

เอไอเอ มาเลเซีย กลับมามีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ในเชิงบวกอีกครั้งในไตรมาสที่3 ของปี 2568 เนื่องจากการลดลงของจำนวนตัวแทนมีสัดส่วนน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี โดยได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของช่องทางการขายผ่านพันธมิตรที่ยังคงเติบโตในระดับสองหลักในช่องทางตัวแทน เราประสบความสำเร็จในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตัวแทน และมูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่สองของปี 2568 ช่องทางการขายผ่านธนาคารของเรามีการเติบโตในเชิงบวก ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง

โดยรวม ตลาดอาเซียนมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) สูงขึ้นร้อยละ 15 โดยได้รับแรงสนับสนุนจาก  การเติบโตสองหลักจากทั้งช่องทางตัวแทนและช่องทางพันธมิตร

กลุ่มตลาดอื่นของเรามีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว การเติบโตแบบเลขสองหลักจากเกาหลีใต้ เวียดนาม และอินเดีย ที่ช่วยชดเชยพอร์ตงานที่ลดลงในออสเตรเลียและไต้หวัน (จีน) 

สำหรับ Tata AIA Life ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของเราในอินเดีย ยังคงสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกช่องทางการขาย และยังคงรักษาอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมด้านประกันชีวิตประเภทคุ้มครองรายย่อยในไตรมาสที่สามของปี 2568(13)

โดยรวมแล้ว มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เป็น 1,476 ล้านเหรียญสหรัฐเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เป็น 2,550 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ เพิ่มขึ้น 5.7 จุด เป็นร้อยละ 58.2 จากการปรับสัดส่วนในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยม อัตรากำไรที่รายงานตามมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 11 ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เป็น 11,910 ล้านเหรียญสหรัฐ

กำไรจากการให้บริการตามสัญญาของธุรกิจใหม่ (NB CSM) สำหรับไตรมาสที่สามของปี 2568 เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 25 ธุรกิจใหม่ที่มีกำไรอย่างต่อเนื่องช่วยเพิ่มเข้ามาเสริมรายได้ที่เกิดขึ้นประจำจากธุรกิจที่มีอยู่แล้ว ตอกย้ำความเชื่อมั่นของเราในการบรรลุเป้าหมายของกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นที่ร้อยละ 9 ถึง11 ต่อปี ตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2569

ภาพรวม

เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีความน่าสนใจมากที่สุดในโลกสำหรับธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ โดยมีปัจจัยสนับสนุนเชิงโครงสร้าง เช่น ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น ระดับการเข้าถึงประกันที่ยังต่ำ และความครอบคลุมของสวัสดิการสังคมที่จำกัด ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว แม้จะมีความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ มหภาคในระยะสั้นก็ตาม เอไอเออยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นในการคว้าโอกาสสำคัญเหล่านี้ ด้วยข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่แข็งแกร่งและความหลากหลายของตลาดที่เราดำเนินงานผลงานที่ยอดเยี่ยมของเราแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์การเติบโต และความสามารถในการดำเนินงานอย่างมีวินัยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง

รายงานพอร์ตโฟลิโอการลงทุน

สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นของเอไอเอเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความแตกต่างและข้อได้ เปรียบในการแข่งขันโดยมีพื้นฐานจากการบริหารพอร์ตที่มีอยู่และแนวทางการลงทุนที่สอดคล้องกับภาระผูกพัน

ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 อันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยของพอร์ตตราสารหนี้ที่ถือเพื่อรองรับทั้งผู้ถือกรมธรรม์และ ผู้ถือหุ้นยังคงอยู่ในระดับ A เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 พอร์ตตราสารหนี้ภาคเอกชนมีการกระจายความเสี่ยงอย่างดี ครอบคลุมผู้ออกตราสารกว่า 1,700 ราย โดยมีมูลค่าการถือครองเฉลี่ยประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐต่อราย

ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 สัดส่วนตราสารหนี้ที่มีอันดับต่ำกว่าระดับลงทุนหรือไม่มีการจัดอันดับอยู่ที่ 2% ของพอร์ตทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับข้อมูลเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ในไตรมาสที่สาม ของปี 2568 มีตราสารหนี้ถูกปรับลดอันดับลงต่ำกว่าระดับลงทุนประมาณ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือน้อยกว่า 0.01% ของพอร์ตตราสารหนี้ทั้งหมด

การตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ของพอร์ตตราสารหนี้ลดลง 118 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สามของปี 2568 โดยยอดตั้งสำรอง ECL อยู่ที่ 196 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 0.2% ของพอร์ตตราสารหนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 สะท้อนถึงพอร์ตการลงทุนของเอไอเอที่มีคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับที่สูง

ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 การลงทุนของกลุ่มบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือกรมธรรม์และผู้ถือหุ้น ประกอบด้วยตราสารของหน่วยงานจัดหาเงินทุนของรัฐบาลท้องถิ่น (LGFVs) มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงตราสารหนี้และหุ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ (ไม่รวม LGFVs) มูลค่า 0.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 พอร์ตการลงทุนของเอไอเอ ประเทศจีน ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือกรมธรรม์และผู้ถือหุ้นอื่น ๆ มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ถึงร้อยละ 80 โดยในจำนวนนี้กว่าร้อยละ 90 เป็นพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรหน่วยงานของรัฐ อันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยในระดับสากลของพอร์ตตราสารหนี้ดังกล่าวยังคงอยู่ที่ระดับ A เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568

ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

เอไอเอ รับเบี้ยประกันส่วนใหญ่ในสกุลเงินท้องถิ่น และมีการจับคู่สินทรัพย์และหนี้สินในแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม เมื่อรายงานผลประกอบการรวมของกลุ่มบริษัท จะมีผลจากการแปลงค่าเงิน เนื่องจากรายงานเป็นดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นจึงให้ข้อมูลอัตราการเติบโตและคำอธิบายโดยอ้างอิง CER (Constant Exchange Rates) เว้นแต่จะระบุเป็นอย่างอื่น เพื่อสะท้อนภาพรวมผลการดำเนินงานที่แท้จริงของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

หมายเหตุ:

  1. ไตรมาสการเงินที่สามของเอไอเอ สำหรับปี 2568 และ 2567 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 และ 30 กันยายน 2567 ตามลำดับ
  2. ตัวเลขทั้งหมดแสดงในสกุลเงินที่รายงานจริง (ดอลลาร์สหรัฐ) และอิงตามอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริง (AER) เว้นแต่จะระบุเป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงแสดงในรูปแบบปีต่อปี โดยอิงตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) เว้นแต่จะระบุเป็นอย่างอื่น การคำนวณ CER ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยคงที่สำหรับปี 2568 และ 2567
  3. สมมติฐานผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวบนมูลค่าพื้นฐานของกิจการ (EV) สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2568 ยังคงเหมือนกับวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามข้อมูลเสริมในรายงานประจำปี 2567 สมมติฐานที่ไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจบนมูลค่าพื้นฐานของกิจการ (EV)  อ้างอิงจากข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 และปรับให้สะท้อนมุมมองล่าสุดของเอไอเอ เกี่ยวกับประสบการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงภาษีเพิ่มเติมภายใต้กรอบอัตราภาษีขั้นต่ำสากล ตามที่เปิดเผยในข้อที่ 5.4 ของข้อมูลเสริมในรายงานกลางปี 2568 เพื่อความชัดเจน กลุ่มบริษัทไม่ได้แสดงภาษีเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตภายใต้กรอบอัตราภาษีชั้นต่ำสากลในการคำนวณมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของกลุ่มบริษัท
  4. มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของกลุ่มบริษัทไม่รวมส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย
  5. มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) คำนวณจากสมมติฐานที่ใช้ ณ จุดขาย

มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) รวมธุรกิจบำนาญ แต่มูลค่าเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) ไม่รวมธุรกิจบำนาญ และรายงานก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย

  1. เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) คิดเป็นร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยปีแรกต่อปี และร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียว ก่อนการเอาประกันภัยต่อและไม่รวมธุรกิจบำนาญ
  2. เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) ประกอบด้วยเบี้ยประกันภัยต่ออายุร้อยละ 100 เบี้ยประกันภัยปีแรกร้อยละ 100 และเบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียวร้อยละ 10 ก่อนการเอาประกันภัยต่อ
  3. NB CSM หมายถึงส่วนต่างบริการตามสัญญาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ระบุ โดยหักผลกระทบจากการทำประกันภัยต่อที่เกี่ยวข้องแล้ว
  4. เป้าหมายอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ของกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นที่ร้อยละ 9 ถึง 11 ระหว่างปี 2566 ถึง 2569 คำนวณบนพื้นฐานอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ และหักผลกระทบจากภาษีเพิ่มเติมภายใต้กรอบอัตราภาษีขั้นต่ำสากลแล้ว
  5. ในบริบทของส่วนงานที่รายงานผล ฮ่องกงหมายถึงการดำเนินงานในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (SAR) และเขตบริหารพิเศษมาเก๊า สิงคโปร์หมายถึงการดำเนินงานในสิงคโปร์และบรูไน ส่วนตลาดอื่น ๆ หมายถึงการดำเนินงานในออสเตรเลีย กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย เมียนมา นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) และเวียดนาม

ภูมิภาคใหม่ของเอไอเอ ประเทศจีน ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2562 หมายถึงการดำเนินงานใน 9 มณฑล ได้แก่ เทียนจิน เหอเป่ย เสฉวน หูเป่ย เหอหนาน อันฮุย ซานตง ฉงชิ่ง และเจ้อเจียง

ASEAN หรือสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หมายถึงการดำเนินงานในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

  1. ผลประกอบการของ Tata AIA Life Insurance Company Limited (Tata AIA Life) จะถูกบันทึกโดยใช้ข้อมูลสำหรับช่วงสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 และช่วงสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ในผลประกอบการรวมของเอไอเอ สำหรับไตรมาสสามสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 และ 30 กันยายน 2567 ตามลำดับ เว้นแต่จะระบุเป็นอย่างอื่น
  2. เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และ มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) สำหรับตลาดอื่น ๆ รวมถึงผลลัพธ์จากการถือหุ้นร้อยละ 49 ใน Tata AIA Life นอกจากนี้ เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และ มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ไม่รวมส่วนสนับสนุนจากการถือหุ้นร้อยละ 24.99 ใน China Post Life เพื่อความชัดเจน เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) ไม่รวมส่วนสนับสนุนจาก Tata AIA Life และ China Post Life
  3. การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ตามที่รายงานโดย Tata AIA Life และการครองอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมด้านประกันคุ้มครองรายบุคคลตามมูลค่าความคุ้มครอง สำหรับช่วงสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง