เวียดนามแซงไทย บรรลุดีลภาษีทรัมป์ หั่นจาก 46% เหลือ 20% แล้วภาษีสินค้าสวมสิทธิคืออะไร?

ก่อนเส้นตายวันแห่งการปลดปล่อย หรือ Liberation Day วันที่ 9 ก.ค. เส้นตายที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะใช้ภาษีต่างตอบแทนกับนานาประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย

เวียดนาม กลายเป็นชาติแรกของอาเซียน และอาจเป็นชาติที่ 2 ของเอเชีย ต่อจากจีน ที่บรรลุข้อตกลงภาษีกับทรัมป์แล้ว

ดีลของเวียดนาม อาจเป็นบทเรียน และฉายภาพถึงข้อตกลงของไทย ที่ตอนนี้ ทีมไทยแลนด์กำลังเตรียมเข้าเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ ในวันนี้

ทรัมป์ ประกาศว่า “ผมเพิ่งบรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนาม” โดยสหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเวียดนาม 20% จากที่เคยกำหนดไว้สูงถึง 46% 

ส่วนเวียดนามจะเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ อย่างสมบูรณ์ นั่นหมายถึงจะไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกาเลย เรียกว่า Zero Tariff ซึ่งทรัมป์ประกาศว่า ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แต่ที่น่าสนใจคือ ภาษี “Transhipping” หรือเรียกในภาษาไทยว่า ภาษีสำหรับสินค้าสวมสิทธิ ที่สหรัฐฯ จะเก็บเวียดนามสูงถึง 40% 

สินค้าสวมสิทธิ คือ สินค้าที่ประเทศอื่นส่งมาเวียดนาม เพื่อนำไปส่งต่อให้สหรัฐฯ เพื่ออาศัยสิทธิประโยชน์ทางภาษีนั่นเอง

ตัวเลขภาษีนำเข้า 20% นั้น ก็ยังถือว่าสูงกว่าภาษีพื้นฐาน 10% ที่สหรัฐฯ ประกาศใช้กับทั้งโลก 

สำหรับเวียดนามนั้น เป็นประเทศที่สหรัฐฯ นำเข้าสินค้ามากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก ปีที่แล้วส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ มากถึง 137,000 ล้านดอลลาร์ เรียกว่าพุ่งสูงต่อเนื่องเทียบกับ 5 ปีก่อนหน้า เป็นผลจากสงครามการค้ากับจีน ที่สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตราที่สูง

แต่เวียดนามเองก็เป็นประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยปีที่แล้ว สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าเวียดนามมากถึง 123,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ภายหลังการประกาศบรรลุข้อตกลงภาษี หุ้นของบริษัทที่มีฐานการผลิตในเวียดนาม โดยเฉพาะแบรนด์เสื้อผ้าต่าง ๆ ก็พุ่งสูงขึ้นในทันที