จอดป้ายประชาชื่น : ความเชื่อมั่น โดย ปิยะวรรณ ผลเจริญ

เปิดผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจจากหลายสถาบันในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ต่างประสานไปในทางบวก

ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนมิถุนายน 2563 ค่าดัชนีฯ อยู่ที่ 80.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 78.4 ในเดือนพฤษภาคม ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิด-19 ระยะที่ 3 และ 4 รวมทั้งยกเลิกคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ระดับ 90.1 ลดลงจากระดับ 91.5 เพราะยังกังวลยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกที่ยังสูงอยู่

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 31.5 ปรับตัวครั้งแรกในรอบ 14 เดือน จากสาเหตุคล้ายคลึงกันเพราะโควิด-19 ในไทยคลี่คลาย

ไม่เพียงเท่านี้กลุ่มผู้ประกอบการที่น่าห่วงสุดอย่างเอสเอ็มอี จากการสำรวจของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ยังพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ระดับ 40.9 มาอยู่ที่ระดับ 49.3 เป็นการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่เกิดโควิด-19 สะท้อนภาพรวมภาวะธุรกิจเอสเอ็มอีปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน

จากความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นทั้งหมด ถือเป็นสัญญาณแห่งความหวังว่าเศรษฐกิจไทยอาจเริ่มโงหัวแล้ว แต่สถานการณ์ต้องเอื้อ หมายถึงต้องไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบ 2 ในไทย จากปัจจุบันที่หลายประเทศกำลังเผชิญอยู่

เพราะในแสงแห่งความหวัง เมื่อดูสภาพความจริงกลับพบว่าการบริโภคของคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่คึกคัก ซึ่งเครื่องมือนี้มีความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ที่ไม่สามารถพึ่ง 2 เครื่องมือหลักอย่างภาคการส่งออก และการท่องเที่ยวได้

การจะทำให้ภาคบริโภคคึกคักได้ ต้องมาจากความเชื่อมั่นประเทศ เชื่อมั่นรัฐบาล

เดือนสิงหาคมนี้จะได้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ งานท้าทายรออยู่ โดยเฉพาะงานด้านความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย

อยากให้ทีมเศรษฐกิจเร่งโชว์ฝีมือ เร่งทำงาน ออกมาตรการตรงจุด เพื่อประคองให้ ศก.ไม่ให้ดิ่งไปกว่านี้ หรือกลับมาเติบโตคล้ายเครื่องหมายถูก

เพราะถ้าทำไม่ได้…ความเชื่อมั่นต่างๆ คงหมดลง