รีเซต

“เอกนิติ” ชี้ยุบสภาเร็วไม่ทำเศรษฐกิจสะดุด ย้ำไทยไปต่อได้

“เอกนิติ” ชี้ยุบสภาเร็วไม่ทำเศรษฐกิจสะดุด ย้ำไทยไปต่อได้
TNN ช่อง16
15 ธันวาคม 2568 ( 10:58 )
18

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา Thailand Confidence 2026 ที่ TNN จัดขึ้น โดยย้ำว่า แม้การเมืองเดินเข้าสู่การ “ยุบสภา” เร็วกว่ากรอบเดิม แต่ เศรษฐกิจไทยต้องไม่สะดุด และประเทศไทยยังไปต่อได้ ท่ามกลางความผันผวนและความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ

รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การยุบสภาเป็นสิ่งที่รัฐบาล “คำนึงไว้แล้ว” ตั้งแต่วันแรก เพราะนายกรัฐมนตรีเคยประกาศกรอบยุบสภาไว้เดิมที่ 31 มกราคม 2569 เพียงแต่สถานการณ์การเมืองทำให้เกิดขึ้นเร็วขึ้น สิ่งที่ต่างไปคือ “เวลาสำหรับนโยบายใหม่” สั้นลง และบางมาตรการที่ต้องอาศัยการผลักดันเพิ่มเติมอาจทำไม่ได้ตามที่ตั้งใจ แต่ไม่ได้ทำให้ภาพรวมหลุดจากสิ่งที่คาดการณ์ไว้

หัวใจสำคัญของปาฐกถาครั้งนี้คือการย้ำว่า ทีมเศรษฐกิจได้ออกแบบมาตรการภายใต้แนวคิด Quick Win ตั้งแต่ต้น โดยตั้งโจทย์ว่า “เวลามีจำกัด” จึงต้องทำให้ เร็วพอ ใหญ่พอ และกระจายตัวได้จริง เพื่อพาเศรษฐกิจเดินต่อในช่วงเปลี่ยนผ่าน พร้อมสร้างแรงส่งด้านความเชื่อมั่นในอนาคต 

5 เสาหลัก “Quick Win” เพื่อความเชื่อมั่นระยะยาว

ดร.เอกนิติ สรุปแนวทางที่วางเป็นฐานไว้ 5 ด้านหลัก เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดหล่มและให้ผลต่อเนื่อง ไม่ใช่มาตรการระยะสั้นที่จบลงแค่การแจกเงินหรือกดค่าครองชีพ

1) ฟื้นเศรษฐกิจด้วย “คนละครึ่ง” เน้นรายย่อยและต่อยอดทักษะ
มาตรการ “คนละครึ่ง” ถูกออกแบบให้เงินหมุนไปถึงร้านค้าเล็ก ร้านริมทาง ตลาด และผู้ค้ารายย่อย ไม่ให้กระจุกกับโมเดิร์นเทรด พร้อมต่อยอด “ผลยาว” ผ่านการเพิ่มทักษะขายออนไลน์ การเชื่อมแพลตฟอร์มเดลิเวอรี และการจับมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ร้านค้าเข้าถึงแหล่งทุน ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ นอกจากนี้ยังยกตัวเลขเม็ดเงินหมุนในโครงการ และสัญญาณความคึกคักของตลาดเป็นภาพสะท้อนว่ากำลังซื้อเริ่มกลับมา

2) แก้หนี้ครัวเรือนเป็นระบบ คืนโอกาสคนตัวเล็ก
รองนายกรัฐมนตรีระบุว่าหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง จึงเดินหน้าร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และธนาคารของรัฐ เพื่อจัดการหนี้รายย่อย โดยเน้นกลุ่ม NPL มูลค่าต่ำและมีจำนวนมาก ใช้กลไก AMC ของรัฐดึงหนี้ออกมาปรับโครงสร้าง ลดภาระตามศักยภาพ พร้อมสร้างวินัยการเงินให้กลับมาเดินต่อได้ รวมถึงใช้การค้ำประกันเพื่อให้สถาบันการเงินกล้าปล่อยสินเชื่อในระบบมากขึ้น


3) ชุบชีวิต SME ด้วยสภาพคล่องและระบบ “พร้อมบิล”
อีกหนึ่งหมุดหมายคือการช่วย SME ที่ขาดสภาพคล่องจากเครดิตเทอมยาว โดยผลักดันการใช้ใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์และระบบ “พร้อมบิล” ให้ธุรกรรมกลายเป็นหลักฐานที่ธนาคารนำไปใช้ปล่อยสินเชื่อซัพพลายเชนได้เร็วขึ้น ควบคู่กับมาตรการแต้มต่อ SME ที่ผลิตในไทยในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อเพิ่มโอกาสทางตลาดและเงินทุนหมุนเวียน

4) เพิ่มทางเลือกการออม รับสังคมสูงวัย
ดร.เอกนิติ ชี้ว่าไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย ขณะที่ผลตอบแทนเงินฝากต่ำ ประชาชนจำนวนมากต้องการสินทรัพย์ที่มั่นคง จึงผลักดันการเข้าถึงพันธบัตรออมทรัพย์ที่ออกต่อเนื่อง เพื่อเป็นช่องทางออมที่ปลอดภัยในระยะยาว

5) ดึงลงทุนอนาคต บนฐานวินัยการคลังและความเชื่อมั่นเครดิตประเทศ
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแรงขับด้านการลงทุน ทั้งในกลุ่มอาหารแปรรูป เกษตรอัจฉริยะ ออโตเมชัน ดาต้าเซ็นเตอร์ EV และเวลเนส-การแพทย์ครบวงจร พร้อมย้ำว่า หลายนโยบายใช้ “งบเดิม” และให้ความสำคัญกับกรอบวินัยการคลัง โดยชี้ว่า “ความเชื่อมั่น” ของสถาบันจัดอันดับเครดิตมีผลต่อ ต้นทุนการเงินของประเทศและการไหลออกของเงินทุน จึงต้องรักษาความน่าเชื่อถือให้ได้

ท้ายที่สุด ดร.เอกนิติ ย้ำว่า แม้การยุบสภาเร็วทำให้ออกนโยบายใหม่เพิ่มได้จำกัด แต่สิ่งที่ทำไปแล้ว “เกือบเสร็จครบ” และจะทำหน้าที่เป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจเดินต่อในช่วงเปลี่ยนผ่าน พร้อมเป็นฐานสร้าง Thailand Confidence ในปี 2026

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง