รีเซต

เด็กอย่างน้อย 197 คน ถูกให้กำเนิดจากผู้บริจาคอสุจิที่มียีนก่อมะเร็ง บางคนเสียชีวิตแล้ว

เด็กอย่างน้อย 197 คน ถูกให้กำเนิดจากผู้บริจาคอสุจิที่มียีนก่อมะเร็ง บางคนเสียชีวิตแล้ว
TNN ช่อง16
13 ธันวาคม 2568 ( 13:02 )
21

ผู้บริจาคอสุจิรายหนึ่งซึ่งมียีนกลายพันธุ์หายากที่เชื่อมโยงกับความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ได้เป็นพ่อของเด็กอย่างน้อย 197 คนทั่วทวีปยุโรป โดยเด็กบางคนได้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวแล้ว ตามรายงานการสืบสวนครั้งใหม่

ผู้บริจาครายนี้ ตัวเขาเองยังมีสุขภาพแข็งแรง แต่เขามียีนกลายพันธุ์หายากในยีนที่ชื่อว่า TP53 ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการเกิด กลุ่มอาการลี-ฟรอเมนี (Li-Fraumeni syndrome) โรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยากและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งอย่างมาก เขาไม่ทราบมาก่อนว่าตนเองมียีนกลายพันธุ์ดังกล่าวในช่วงเวลาที่บริจาคอสุจิ

ก่อนหน้านี้ ในเดือนพฤษภาคม CNN รายงานว่าชายคนนี้มีบุตรอย่างน้อย 67 คนใน 8 ประเทศในยุโรป แต่การสืบสวนเชิงลึกครั้งใหญ่ที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวหลายแห่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พบว่าจำนวนเด็กที่ได้รับผลกระทบ สูงกว่าที่เคยประเมินไว้มาก

ชายคนดังกล่าวได้บริจาคอสุจิให้กับธนาคารอสุจิเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศเดนมาร์ก ชื่อว่า European Sperm Bank (ESB) แต่อสุจิของเขาถูกนำไปใช้ต่อโดยคลินิกถึง 67 แห่งใน 14 ประเทศ ขณะที่จำนวนเด็กที่ได้รับผลกระทบจริงอาจสูงกว่านี้อีก เนื่องจาก “ยังไม่ได้รับข้อมูลจากทุกประเทศ” ตามรายงานของ BBC

ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเด็กจำนวนเท่าใดที่ได้รับการถ่ายทอดยีนกลายพันธุ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในบรรดาผู้ที่ได้รับยีนนี้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะไม่พัฒนาไปเป็นมะเร็งตลอดช่วงชีวิตของตน ผู้ที่มีภาวะดังกล่าวมีโอกาสสูงถึง 90% ที่จะเป็นมะเร็งอย่างน้อยหนึ่งชนิดภายในอายุ 60 ปี และประมาณ 50% จะพัฒนาเป็นมะเร็งก่อนอายุ 40 ปี ตามข้อมูลจาก Cleveland Clinic

เอ็ดวิจ์ คาสเปอร์ (Edwige Kasper) นักชีววิทยาจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยรูออง ประเทศฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ในช่วงแรกพบเด็กที่ได้รับผลกระทบ 67 คน โดยในจำนวนนี้ 10 คน ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งแล้ว เช่น เนื้องอกในสมอง และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กิน (Hodgkin lymphoma) ขณะที่เด็กอีก 13 คน เป็นพาหะของยีนดังกล่าว แต่ยังไม่แสดงอาการของโรค

เด็กเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็ง และยังมีโอกาส 50% ที่จะถ่ายทอดยีนกลายพันธุ์นี้ไปสู่บุตรของตนเอง 

ด้าน แคลร์ เทิร์นบูล (Clare Turnbull) ศาสตราจารย์ด้านพันธุศาสตร์มะเร็งจากสถาบันวิจัยมะเร็ง กรุงลอนดอน กล่าวกับ CNN ว่า “กลุ่มอาการลี-ฟรอเมนี เป็นการวินิจฉัยที่สร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่งต่อครอบครัว และมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งสูงมากตลอดช่วงชีวิต และยังมีความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญต่อการเกิดมะเร็งตั้งแต่วัยเด็ก”

กรณีนี้เป็น “ความบังเอิญที่เลวร้ายอย่างยิ่งจากเหตุการณ์หายากสองประการพร้อมกัน คือ ผู้บริจาคมีการกลายพันธุ์ของยีนที่พบได้น้อยมากในประชากร (น้อยกว่า 1 ใน 10,000 คน) และอสุจิของเขาถูกนำไปใช้ในการให้กำเนิดเด็กจำนวนมากอย่างผิดปกติ”

ด้าน จูลี พอลลี่ บุดซ์ (Julie Paulli Budtz)โฆษกของธนาคารอสุจิยุโรป (ESB) กล่าวว่า “ESB ทำการตรวจและประเมินทางการแพทย์รายบุคคลของผู้บริจาคทุกราย โดยปฏิบัติตามหลักวิชาการ มาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ และกฎหมายที่ได้รับการยอมรับอย่างครบถ้วน”

เธอยังเสริมว่า ESB สนับสนุนข้อเรียกร้องให้มีการกำหนด เพดานจำนวนเด็กที่สามารถเกิดจากผู้บริจาคเพียงรายเดียว พร้อมระบุว่า

“กฎหมายในประเด็นเหล่านี้มีความซับซ้อนสูง มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาหลายด้านและมักขัดแย้งกันเอง และการบังคับใช้กฎระเบียบก็แตกต่างกันอย่างมากในแต่ละประเทศ”

“ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องมีมาตรฐานร่วมของยุโรปที่ชัดเจนและโปร่งใส” เธอกล่าวสรุป

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง