"ภาษีทรัมป์" ดันราคา"รถยนต์"ในสหรัฐฯ เม.ย.ขยับขึ้น

ข้อมูลจาก “ค็อกซ์ ออโตโมทีฟ” ระบุว่า ราคารถยนต์ใหม่ที่ขายในสหรัฐฯ เดือนเมษายนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 2.5 จากเดือนมีนาคม หลังการหักส่วนลดและโปรโมชั่นต่าง ๆ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากการปรับขึ้นปกติที่ร้อยละ 1.1 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้
ราคาที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งมีเพียงครั้งเดียวที่ราคาปรับขึ้นร้อยละ 2.7 ในเดือนเมษายน ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่โรงงานรถยนต์ต้องปิดตัวเนื่องจากวิกฤตโควิด
ราคารถยนต์ที่ขยับขึ้นส่งสัญญาณถึงมาตรการกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์
ทั้งนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์กำลังปรับตัวรับมือภาษีที่สหรัฐฯ เก็บในอัตราร้อยละ 25 สำหรับการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ รวมถึงเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่
อย่างไรก็ตาม แม้ค่ายรถบางแห่งเริ่มปรับขึ้นราคา แต่ก็ยังมีหลายบริษัทที่ออกข้อเสนอพิเศษให้ผู้ซื้อและพยายามรักษายอดขาย อาทิ ฮุนได, ฟอร์ด, สเตลแลนทิส
ขณะที่ความต้องการซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากเร่งซื้อล่วงหน้าก่อนที่ราคาจะปรับขึ้นจากมาตรการภาษีศุลกากร
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “รอยเตอร์ส” รายงานว่า “ฟอร์ด” ขึ้นราคารถที่ผลิตในเม็กซิโก ซึ่งจะส่งผลให้รถบางรุ่นมีราคาขยับขึ้นสูงสุด 2,000 ดอลลาร์ อาทิ รถอเนกประสงค์ (SUV) ไฟฟ้า “มัสแตง มัค-E” (Mustang Mach-E), รถกระบะ “มาเวอริก” และ “บรองโก สปอร์ต”
ก่อนหน้านี้ “ค็อกซ์” ประเมินว่า รถยนต์ใหม่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาษีนำเข้าร้อยละ 25 อาจมีราคาแพงขึ้นราวร้อยละ 10-15 ขณะที่ราคารถที่ไม่ได้รับผลกระทบเต็มที่อาจเพิ่มขึ้นร้อยละ 5