รีเซต

‘พิพัฒน์’ จ่อบินซาอุฯ ปลายมี.ค.นี้ ดึงเที่ยวไทย 2 แสนคน ปั๊มรายได้ 2 หมื่นลบ.

‘พิพัฒน์’ จ่อบินซาอุฯ ปลายมี.ค.นี้ ดึงเที่ยวไทย 2 แสนคน ปั๊มรายได้ 2 หมื่นลบ.
มติชน
18 กุมภาพันธ์ 2565 ( 15:26 )
41
‘พิพัฒน์’ จ่อบินซาอุฯ ปลายมี.ค.นี้ ดึงเที่ยวไทย 2 แสนคน ปั๊มรายได้ 2 หมื่นลบ.

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังจากประเทศไทยได้ฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือร่วมกับซาอุฯ นำร่องไปแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะนำคณะหอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนไปซาอุฯ ในวันที่ 26-27 กุมภาพันธ์นี้ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้วางแผนในการนำผู้ประกอบการภาคเอกชนท่องเที่ยวไทยไปโรดโชว์ที่ซาอุฯ ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทย โดยตั้งเป้าในปี 2565 ในการดึงนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบียมาไทยให้ได้ 2 แสนคน สร้างรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท หลังจากไทยเสียโอกาสในตลาดนี้ไปแล้วกว่า 30 ปี ที่ผ่านมา

 

“การประชุมหารือกันทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และภาคเอกชน เพื่อทำความเข้าใจ รวมถึงให้เอกชนเตรียมความพร้อมในธุรกิจของตัวเอง เพื่อนำเสนอในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะนำคณะเข้าไปจัดทำบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างกัน ในการทำตลาดท่องเที่ยวแบบ 2 ทาง คือ ชาวซาอุฯ สามารถมาเที่ยวไทยได้ และคนไทยสามารถไปเที่ยวซาอุฯ ได้เช่นกัน อาทิ จะส่งเสริมให้ผู้แสวงบุญชาวไทย เดินทางท่องเที่ยวได้หลังประกอบพิธีแสวงบุญ ทั้งพิธีฮัจญ์ และอุมเราะห์ รวมทั้งขยายเวลาการพำนักในซาอุฯให้แก่คนไทยที่ได้วีซ่าแสวงบุญ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้จัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่าง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยกับกระทรวงท่องเที่ยวของซาอุฯ ซึ่งตอนนี้ได้ส่งร่างไปให้ซาอุฯ ตรวจสอบแล้ว” นายพิพัฒน์ กล่าว

 

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จะเสนอให้กระทรวงการต่างประเทศ ช่วยหารือนโยบายการขอวีซ่าของ 2 ประเทศ เพื่อช่วยให้การเดินทางระหว่างกันมีความสะดวกมากขึ้น เนื่องจากตั้งเป้าดึงเข้ามา 2 แสนคนในปี 2565 แต่หากทำการบ้านได้ดี อาจมีเข้ามามากกว่านี้ในอนาคต ซึ่งมองไว้ที่ 5 แสนคนต่อปี โดยหลังจากเทศกาลถือศีลอด (รอมฎอน) จบลงประมาณ 1 เดือน ถือเป็นช่วงที่ชาวตะวันออกกลางออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นเดือนพฤษภาคมนี้

 

เราต้องพยายามทำให้ตลาดเหล่านี้เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยให้ได้ จึงต้องเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน ทั้งสายการบิน โรงแรม และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยช่วงที่ผ่านมา แม้ความสัมพันธ์ยังไม่ได้เปิดแบบเป็นทางการ แต่ก็เห็นชาวซาอุฯ เข้ามาเที่ยวไทยประมาณ 2 หมื่นคนต่อปี เป็นกลุ่มที่นิยมเข้ามาตรวจสุขภาพในไทย จึงจะหาทางเจรจากับรัฐบาลซาอุฯ ให้ส่งข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐเข้าโปรแกรมตรวจสุขภาพในไทย รวมทั้งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มครอบครัวมาเที่ยวไทยด้วย

 

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอของภาคเอกชนที่ต้องการให้ปรับเงื่อนไขรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลักๆ คือ การลดจำนวนตรวจหาเชื้อผ่านวิธี RT-PCR 2 ครั้ง เหลือ 1 ครั้งในวันแรกที่เข้ามาเท่านั้น ส่วนครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 ให้ตรวจผ่านเอทีเคได้ โดยเบื้องต้นกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้เสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็กแล้ว ซึ่งได้คำตอบว่า ขอประเมินสถิติจำนวนต่างชาติที่มีเชื้อทั้งเดือนกุมภาพันธ์นี้ เป็นตัวชี้วัดความเหมาะสมก่อน แต่ก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่า ขอเป็นสถิติการพบเชื้อตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2564 แทนได้หรือไม่ เพราะเป็นช่วงที่ระงับเทสต์ แอนด์ โก และเริ่มตรวจ RT-PCR 2 ครั้งแล้ว

 

แต่ได้คำตอบว่า อาจไม่สามารถชี้วัดได้ เนื่องจากโอมิครอนยังระบาดเข้ามาน้อย โดยในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ จะประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อขอให้ปรับเงื่อนไขการตรวจหาเชื้อครั้งแรกเป็น RT-PCR และครั้งที่ 2 เป็นเอทีเคแทน เนื่องจากประเมินแล้วพบว่า การตรวจหาเชื้อผ่าน RT-PCR 2 ครั้ง สร้างภาระให้นักท่องเที่ยวต่างชาติและไม่เอื้อความสะดวก ทั้งนี้ ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม เป็นต้นมา อัตราการตรวจเจอเชื้อโควิดในครั้งแรก คิดเป็น 0.3-0.4% ถือว่าค่อนข้างมาก แต่ครั้งที่ 2 แทบหาไม่เจอแล้ว สะท้อนจากอัตราการการพบเชื้อมีเพียง 0.1% เท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าสาธารณสุขน่าจะรับได้ และผ่อนปรนให้เป็นเอทีเคในการตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 5 ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง