รีเซต

คืบหน้าอาการ 'น้องบีม' เหยื่อรถพ่วงมรณะ เลือดคั่งในสมองพ้นวิกฤต บริษัทรถติดต่อเยียวยาตาม กม.แล้ว

คืบหน้าอาการ 'น้องบีม' เหยื่อรถพ่วงมรณะ เลือดคั่งในสมองพ้นวิกฤต บริษัทรถติดต่อเยียวยาตาม กม.แล้ว
มติชน
28 กรกฎาคม 2565 ( 23:27 )
61

คืบหน้าอาการ ‘น้องบีม’ เหยื่อรถพ่วงมรณะ แม่เผยอาการเลือดคั่งในสมองพ้นวิกฤต เจ้าตัวรับรู้แล้ว โรงพยาบาลต้นทางรุดเยียวยาช่วยเหลือ หลังแม่ติดใจรักษาล่าช้า

 

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม น.ส.หนูผิ่น แสงสีดา อายุ 51 ปี ชาว ต.พังเคน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี แม่ของ นายยศพล ฮ่มซ้าย หรือ น้องบีม อายุ 20 ปี สาขาพืชศาสตร์ คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม ผู้รอดชีวิตจากเหยื่อรถพ่วงมรณะหลับในชนรถจักรยานยนต์ บาดเจ็บเลือดคั่งในสมอง และขาหักทั้ง 2 ข้าง เปิดเผยอาการล่าสุดของลูกชายขณะยังรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสกลนครว่า ช่วงแรกอาการยังวิกฤต มีทั้งอาการเลือดคั่งในสมอง ไม่รู้สึกตัว อีกทั้งยังต้องถูกตัดขาซ้ายเหนือเข่าถึง 2 รอบ เพราะแผลติดเชื้อ ส่วนขาขวากระดูกหัก แต่ยังไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดรักษาได้ ต้องขอขอบคุณทีมแพทย์ พยาบาล ที่ดูแลรักษาเต็มที่ จนกระทั่งอาการของน้องบีมดีขึ้นตามลำดับ ทำให้ตอนนี้อาการเลือดคั่งในสองพ้นวิกฤต น้องบีมรับรู้

 

“แม่บอกเสมอว่าสู้เพื่อแม่นะลูก ถึงแม้พิการตัดขาไม่เป็นไร ขอเพียงมีชีวิตรอดเพื่อแม่ โดยเจ้าตัวรับรู้และยืนยันขอสู้เพื่อแม่ ส่วนการรักษาขั้นตอนต่อไปทางแพทย์แจ้งว่าจะทำการผ่าตัดเสริมเหล็กขาขวาที่กระดูกแตก ทำให้แม่รู้สึกมีกำลังใจ ขอเพียงรอดชีวิต ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้การดูแลช่วยเหลือ รวมถึงแพทย์ พยาบาล” น.ส.หนูผิ่นกล่าว

 

น.ส.หนูผิ่นกล่าวว่า ส่วนบริษัทเจ้าของรถบรรทุกพ่วงได้มาติดต่อเยียวยาตามกฎหมาย รวมถึงโรงพยาบาลนครพนมที่เป็นโรงพยาบาลต้นทาง ซึ่งตนติดใจในการรักษาล่าช้า ทิ้งเวลาเกือบ 10 ชั่วโมง ก่อนจะส่งตัวมาที่โรงพยาบาลสกลนคร โดยผู้บริหารโรงพยาบาลนครพนมได้ติดต่อมาให้การดูแลช่วยเหลือเต็มที่ และพร้อมจะเยียวยากับปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การดูแลช่วยเหลือ สำคัญที่สุดในการดูแลรักษาผู้ป่วย ไม่อยากให้เกิดปัญหาคล้ายกรณีลูกชายของตน อยากให้นำไปเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหา ไม่อยากให้เกิดปัญหากับคนอื่นซ้ำอีก เพราะตนรับรู้ถึงสภาพจิตใจคนที่ได้รับผลกระทบ บางครั้งเวลามันหมายถึงชีวิต ส่วนการเจรจาเยียวยาดูแลตามขั้นตอน ตนยังไม่พร้อมสรุป เพราะขอดูอาการลูกชายจนกว่าจะปลอดภัย เนื่องจากน้องบีมยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์พยาบาลใกล้ชิด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง