จุดจบแก๊งคอลฯ ? เมื่อจีนสั่งประหาร “ตระกูลหมิง” ตัดเนื้อร้ายแห่งเอเชีย

“แก๊งคอลเซนเตอร์” ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ไม่เพียงแค่หลอกลวงเงินจากเหยื่อ แต่ยังพัวพันกับการค้ามนุษย์และยาเสพติด นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้จีนต้องเดินหน้าปราบปรามอย่างจริงจัง
ล่าสุด ศาลจีนมีคำพิพากษาประหารชีวิตสมาชิกหลายสิบคนของ “ตระกูลหมิง” หนึ่งในสี่ตระกูลผู้กุมอำนาจจักรวรรดิคอลเซนเตอร์ทางตอนเหนือของเมียนมา เพื่อส่งสารชัดเจนว่า จีนเอาจริงกับการกวาดล้าง และมุ่งตัดรากถอนโคนเครือข่ายอาชญากรรมสีเทาเหล่านี้ให้สิ้นซาก
รู้จัก “ตระกูลหมิง”
“ตระกูลหมิง” เริ่มเข้ามามีอำนาจและเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติตั้งแต่ปี 2015 ทั้งการฉ้อโกงทางโทรศัพท์ เปิดบ่อนกาสิโนผิดกฎหมาย ค้ายาเสพติด และค้ามนุษย์
ตระกูลนี้ มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองกำลังทหารเมียนมา ผู้นำของตระกูลหมิง คือ หมิง เสวี่ยฉาง มีอิทธิพลสูงในรัฐฉาน เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐ และอดีตสมาชิกคณะกรรมการผู้นำโกก้าง
พวกเขาบริหารศูนย์สแกมเมอร์ที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งชื่อว่า "Crouching Tiger Villa" หรือ คฤหาสน์เสือหมอบ ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนงานมักถูกทุบตี และทรมานเป็นประจำ
ศาลระบุว่า ธุรกิจการพนันและคอลเซนเตอร์ของตระกูลหมิงสร้างรายได้ให้พวกเขาราว 1 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท
การสอบสวนยังพบว่าตระกูลหมิงมีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของพนักงานในศูนย์สแกมเมอร์หลายราย
ตระกูลหมิงถูกจับกุมเมื่อปี 2023 หลังจากที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมายึดเมือง เล้าก่ายย์ และจับกุมสมาชิกตระกูลนี้ ส่งให้กับทางการจีน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จีนเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องประชาชนและรักษาความมั่นคงภายในประเทศ
พวกเขาถูกตั้งข้อหาทั้งหมด 11 กระทง ซึ่งรวมฆาตกรรมด้วย ก่อนจะถูกตัดสินโทษในปี 2025 ได้แก่ ประหารชีวิต 11 คน, ประหารชีวิต 5 คน แต่รอลงอาญา 2 ปี, จำคุกตลอดชีวิต 11 คน และจำคุกตั้งแต่ 5-24 ปี 12 คน
ส่วน หมิง เสวี่ยฉาง หัวหน้าตระกูลฆ่าตัวตายเมื่อปี 2023 หลังถูกตำรวจจีนจับ
4 ตระกูลแห่งโกก้าง ผู้กุมอำนาจจักรวรรดิคอลเซนเตอร์
ตระกูลหมิง เป็นเพียงแค่หนึ่งในตระกูล ผู้กุมอำนาจจักรวรรดิคอลเซนเตอร์แห่งเมียนมา เพราะยังมีอีก 3 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
ตระกูลหมิงทำงานควบคู่กับ สี่ตระกูลผู้ทรงอำนาจดั้งเดิม ในโกก้างของเมียนมา ได้แก่ ตระกูลไป๋, ตระกูลเว่ย และตระกูลหลิว ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 สาย คือ หลิว กั๋วซี และ หลิว เจิ้งเซียง
ต่อมา ธุรกิจกาสิโนและคอลเซนเตอร์ของตระกูลหมิงเฟื่องฟู จึงทำให้สถานะของพวกเขาเทียบเท่ากับสี่ตระกูลเดิม จนบางสื่อเรียกว่าเป็น “ตระกูลที่ 5”
อย่างไรก็ตาม สื่อจีนและสื่อที่รายงานเรื่องคอลเซนเตอร์ มักรวมตระกูลหมิงเข้าไปใน 4 ตระกูลเดิม เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ เพราะในทางปฏิบัติ ตระกูลหมิงมีอิทธิพลไม่ต่างจาก 4 ตระกูลดั้งเดิมเลย
ตระกูลดั้งเดิมเหล่านี้ก้าวขึ้นมามีอำนาจในโกก้างตั้งแต่ปี 2009 หลังสนับสนุนกองกำลังทหารเมียนมาและโค่นล้ม ตระกูลเผิง ซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ที่เคยมีอิทธิพลในโกก้างมาก่อน
4 ตระกูลเข้ายึดกาสิโน และธุรกิจอื่น ๆ ในเล้าก่ายย์ ก่อนจะกลายมาเป็นฉากบังหน้าให้ศูนย์สแกมเมอร์ ค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน
มีชาวต่างชาติราว 1 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ถูกล่อลวงและบังคับให้ทำงานในสถานที่แห่งนี้ เพื่อหลอกลวงคนทั่วโลก โดยคาดว่า ธุรกิจกาสิโน และศูนย์สแกมเมอร์สร้างรายได้ให้ 4 ตระกูลนี้ ปีละหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะล่มสลาย หลังจีนร่วมมือกับนานาชาติ จัดการแก๊งจีนเทากลุ่มนี้ให้สิ้นไป
ทำไมจีนปราบแก๊งคอลฯ ขั้นเด็ดขาด
ธุรกิจสแกมเมอร์หลอกลวงผู้คนมานานหลายปี กวาดรายได้ทั่วโลกปีละหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ศูนย์สแกมเมอร์กระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน
แล้วทำไมจีนถึงตัดสินใจที่จะปราบปรามเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
บทความสำนักข่าว DW ระบุว่า การหลอกลวงชาวจีนแพร่ระบาดไปทั่ว แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนไม่ได้จัดการเด็ดขาดเท่าที่ควร แต่หลังโควิด-19 พลเมืองจีนกลายเป็นเหยื่อแก๊งสแกมเมอร์มากขึ้น ทั้งถูกหลอกเงิน ถูกหลอกไปทำงาน สูญเสียรายได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประชาชน รัฐบาลจึงไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
จีนร่วมมือกับไทย และเมียนมา จัดตั้งกลไกการประสานงาน ปราบปรามขบวนการคอลเซนเตอร์ ยกระดับความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดและแก้ปัญหานี้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ เพื่อกำจัดอาชญากรรมข้ามชาติออกไปจากภูมิภาค
หนึ่งในตัวอย่างความร่วมมือที่เราอาจเคยเห็น คือ “หลิว จงอี้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีน มาไทย เพื่อปฏิบัติภารกิจด้านนี้ เมื่อช่วงต้นปี
ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ เนื้อร้ายกัดกินเศรษฐกิจ-ความมั่นคงโลก
แม้จะมีการปราบปรามขบวนการแสกมเมอร์จริงจัง แต่เมื่อศูนย์หนึ่งถูกทลาย แก๊งอาชญากรเหล่านี้ ก็จะย้ายไปตั้งศูนย์ใหม่อยู่จุดอื่นแทน เช่น กัมพูชา ซึ่งตอนนี้ ได้กลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมสแกมเมอร์ไปแล้ว
รายงานจากหน่วยงาน Humanity Research Consultancy ระบุว่า อุตสาหกรรมสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์สร้างรายได้ให้กัมพูชาราว 400,000-620,000 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 60% ของ GDP
รายงานชี้ว่า อุตสาหกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชาใกล้ถึงจุด “ใหญ่เกินกว่าจะล้มได้” และกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งการสแกม ขับเคลื่อนโดยแก๊งอาชญากรรมชาวจีน จนเป็นภัยต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงระดับโลก
ขณะเดียวกัน รายงานของ GASA ปี 2025 พบว่า ประชากรในอาเซียนเสียเงินให้แก๊งสแกมเมอร์ รวม 861,400 ล้านบาทใน 1 ปี โดยคนไทยสูญเงินเฉลี่ยคนละ 12,921 บาท เป็นอันดับ 3 ของภูมิภาค รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย
GASA เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการร่วมมือข้ามภาคส่วนและพรมแดน เพื่อสร้างมาตรการป้องกันที่แข็งแกร่งต่อการหลอกลวงออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น
การสั่งประหารสมาชิกตระกูลหมิง จึงถือเป็นก้าวสำคัญของจีนในการจัดการแก๊งอาชญากรข้ามชาติ เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่าจีนจริงจังและไม่ยอมให้กลุ่มอาชญากรข้ามพรมแดนมาทำลายความปลอดภัยของประชาชนและเศรษฐกิจ
แหล่งข้อมูลออ้างอิง:
https://www.dw.com/en/why-is-china-clamping-down-on-scammers-in-southeast-asia/a-71456569
https://www.bbc.com/news/world-asia-67471138
https://www.bbc.com/news/articles/c78nrx309kzo
https://www.china-arms.com/2023/11/kokang-telecommunications-fraud-four-major-families/
https://edition.cnn.com/2025/09/30/china/kokang-scam-center-china-myanmar-ming-family-intl-hnk
https://www.aljazeera.com/news/longform/2024/7/29/under-siege-in-myanmars-cyber-scam-capital
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
