สิงคโปร์ใช้ "เทคโนโลยีจดจำใบหน้า" แทนบัตรประชาชน
ปัจจุบันเราคุ้นเคยกับเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Facial Recognition) เพื่อการใช้ปลดล็อกสมาร์ทโฟนหรือโน้ตบุ๊ก แต่ในประเทศสิงคโปร์ได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น โดยใช้เพื่อยืนยันตัวบุคคลแทนการใช้บัตรประชาชน
ที่มารูปภาพ https://says.com/my/tech/singapore-first-facial-verification
สิงคโปร์นับว่าเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุญาตให้เลือกใช้การจดจำใบหน้า เพื่อยืนยันตัวบุคคลในการประกอบธุรกรรมต่าง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทดลองใช้ในการประกอบธุรกรรมเกี่ยวกับการเงินในธนาคาร และพร้อมที่จะนำมาใช้ยืนยันตัวบุคคลในธุรกรรมอื่น ๆ ได้แล้วทั่วประเทศ
แอนดริว บัด (Andrew Bud) ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าฝ่ายบริหารของบริษัท iProov เจ้าของเทคโนโลยีจดจำใบหน้าที่นำมาใช้ในประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยยืนยันได้ว่าบุคคลที่กำลังทำธุรกรรมในขณะนั้น คือบุคคลจริง มิใช่ภาพถ่ายหรือวิดีโอ อีกทั้งยังไม่สามารถปลอมแปลงโดย Deepfake (การสร้างใบหน้าเพื่อเลียนแบบบุคคล ด้วยปัญญาประดิษฐ์ ได้ด้วย
ที่มารูปภาพ http://www.thebusinessstar.net/2020/09/26/singapore-in-world-first-for-facial-verification/
เทคโนโลยีนี้จะถูกเพิ่มเป็นตัวเลือกในการยืนยันตัวตน สำหรับบริการ SingPass ซึ่งเป็นระบบบัญชีรวมของประเทศสิงคโปร์ ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการของภาครัฐ ผ่านระบบออนไลน์กว่า 100 รายการได้อย่างง่ายดาย นั่นเท่ากับว่าเทคโนโลยีนี้กลายเป็นรูปแบบการยืนยันตัวตนอย่างเป็นทางการของประเทศสิงคโปร์ เทียบเท่ากับบัตรประชาชนเลยก็ว่าได้
จริง ๆ ประเทศอื่น ๆ ก็ใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อเข้าถึงบริการเหมือนกัน โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาและจีน ตัวอย่างเช่น การทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ โดยใช้การยืนยันใบหน้าเพื่อปลดล็อกการให้บริการนั้น แต่ต้องใช้เฉพาะเทคโนโลยี FaceID ของ iPhone เท่านั้น จะเห็นได้ว่าการใช้งานยังมีข้อจำกัด เมื่อเทียบกับกรณีของประเทศสิงคโปร์
ที่มารูปภาพ https://www.wionews.com/world/singapore-becomes-first-to-use-facial-verification-in-national-id-330610
นับว่าเป็นการนำเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วให้มีประโยชน์มากขึ้นอีกทั้งยังช่วยให้ภาคธุรกิจดำเนินกิจการต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นเพราะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากภาครัฐในการยืนยันตัวบุคคลโดยไม่ต้องสร้างระบบของตนเองขึ้นใหม่ และเพิ่มความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวในการเข้าใช้บริการได้ดีอีกด้วย
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline
แหล่งที่มา bbc.com