รีเซต

แนะนำมือถือเปิดตัวใหม่น่าใช้ประจำเดือน ธันวาคม 2568

แนะนำมือถือเปิดตัวใหม่น่าใช้ประจำเดือน ธันวาคม 2568
epapipe
19 ธันวาคม 2568 ( 22:08 )
12

ส่งท้ายปลายปี 2568 ที่ปีนี้ตลาดมือถือจัดว่าเดือดทะลุปรอท โดยเฉพาะสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ที่ปีนี้เริ่มได้รับเสียงตอบรับมากขึ้นอย่างมาก ทำให้หลายแบรนด์หันมาพัฒนาอย่างจริงจังตามหลังค่ายจากเกาหลีที่ออกตัวแรง แซงไปหลายทางโค้งแล้ว จนมียอดขายนำหน้าไปไกลแล้ว แต่กลับมาที่เรื่องมือถือเปิดตัวใหม่ในเดือนธันวาคมของเรากันดีกว่า เดือนนี้ก็ถือว่ามีมือถือหลายรุ่นที่น่าสนใจเปิดตัวกันมาก แต่จะมีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย

vivo X300 Series

รุ่นแรกไปดูกันที่สมาร์ตโฟนสายพันธุ์ "กล้องโทรได้" อย่าง vivo X300 Series ที่เปิดตัวพร้อมกันสองรุ่นคือ vivo X300 และ vivo X300 Pro ที่มาพร้อมเทคโนโลยีกล้องที่โดดเด่นจาก ZEISS และแต่ละรุ่นมีจุดที่น่าสนใจดังนี้

 

 

vivo X300 Pro

มาดูกันที่รุ่นพี่ vivo X300 Pro กันก่อน ถ้ากำลังมองหามือถือที่มาพร้อมคำว่า "สุดจัด" ในด้านกล้องและสเปคแบบไม่เกรงใจใคร ต้องนี่เลย vivo X300 Pro ที่ยกขบวนชุดเลนส์ ZEISS ระดับโปรมาแบบครบเครื่อง เริ่มตั้งแต่กล้องหลักที่จัดเซนเซอร์ Sony LYT-828 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซลมาให้แบบเต็มๆ ไม่นับรวมกล้องหน้าและกล้องอัลตราไวด์ที่ความละเอียด 50 ล้านพิกเซลเท่ากัน ซึ่งใช้เซนเซอร์ ISOCELL JN1 ตัวเทพอีกด้วย แต่ที่ต้องยกให้เป็นพระเอกตัวจริงของรุ่นนี้คือ กล้องเทเลโฟโต้พลังซูม 200 ล้านพิกเซล! ที่บ้าพลังใช้เซนเซอร์ ISOCELL HPB ขนาดใหญ่ถึง 1/1.4 นิ้ว รับประกันความคมชัดแบบทะลุโลก จับคู่กับระบบไฟแฟลชสว่างพิเศษเหมือนรุ่นพี่ X200 Ultra ให้ภาพถ่ายออกมาสวยมีมิติ ไม่ว่าจะซูมไกลแค่ไหนก็คมกริบ ไม่ต้องกลัวภาพแตก นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์ภาพและเสียงระดับพรีเมียมผ่านหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยี 8T LTPO และวัสดุ Q10 Plus ให้สีสันสดใส ความละเอียดคมชัดถึง 1,260 x 2,800 พิกเซล พร้อมอัตรารีเฟรช 120Hz ที่โคตรลื่นไหล แถมยังรองรับมาตรฐาน HDR10+, HDR Vivid และ Dolby Vision เปลี่ยนมือถือของคุณให้เป็นโรงภาพยนตร์ส่วนตัวได้เลย

 

 

ไม่เพียงแต่กล้องที่โหดจัด แต่เรื่องประสิทธิภาพภายในก็แรงแซงทางโค้ง ด้วยขุมพลังชิปเรือธง MediaTek Dimensity 9500 ที่ทำงานประสานกับ ชิปประมวลผลภาพ V3+ โดยเฉพาะ ทำให้การใช้งานแอปพลิเคชันหนักๆ การเล่นเกมกราฟิกโหด หรือการจัดการความร้อนเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด และแน่นอนว่าช่วยให้การถ่ายภาพและวิดีโอมีคุณภาพสูงสุดแบบมืออาชีพสุดๆ ส่วนใครที่กังวลเรื่องแบตเตอรี่บอกเลยว่าลืมไปได้เลย เพราะ X300 Pro อัดแบตเตอรี่ความจุสะใจถึง 6,510mAh (เยอะกว่ารุ่นมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด) รองรับการชาร์จไวด้วยสาย 90W และชาร์จไร้สาย 40W เติมพลังได้ไวทันใจ ไม่ต้องกลัวแบตหมดระหว่างวัน ทั้งหมดนี้ถูกบีบอัดอยู่ในตัวเครื่องที่บางเฉียบเพียง 7.99 มม. น้ำหนักกำลังดีที่ 226 กรัม แถมยังทนทานสุดๆ ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 และ IP69 เรียกได้ว่า สเปคเทพขนาดนี้ ใส่ความอึด ความแรง ความสวยงามมาครบแบบไม่กั๊กจริงๆ

  • vivo X300 Pro มีราคาเปิดตัว 39,999 บาท

 

 

 

แต่ถ้ากำลังเบื่อมือถือจอใหญ่ยักษ์ที่ต้องใช้สองมือจับแล้วล่ะก็ ต้องหันมามอง vivo X300 ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ "เล็กแต่แจ๋ว" โดยแท้จริง เพราะรุ่นนี้คือการพัฒนาต่อยอดมาจาก X200 Pro Mini ปีที่แล้ว ทำให้มันกลายเป็นสมาร์ทโฟนไซซ์กะทัดรัดที่อัดแน่นด้วยสเปคระดับโปรแบบไม่กั๊ก เริ่มตั้งแต่หน้าจอ AMOLED 8T LTPO ขนาด 6.31 นิ้ว ที่ใช้พาเนล Q10 Plus ของ BOE ให้ภาพคมชัดสะใจด้วยความละเอียด 2640 x 1216 พิกเซล แถมยังลื่นไหลสุดๆ ด้วยรีเฟรชเรท 120Hz สู้แดดได้สบายเพราะสว่างสูงสุดถึง 4,500 นิต! รองรับ HDR ครบเครื่อง พร้อมเซนเซอร์สแกนนิ้วมือแบบอัลตราโซนิคสุดล้ำใต้จอ นอกจากนี้ยังมาพร้อมขุมพลัง Dimensity 9500 ที่ถูกปรับจูนมาแบบก้าวกระโดด ทำให้ประสิทธิภาพ CPU แบบซิงเกิลคอร์ดีขึ้น 32% และจัดการพลังงานในงานหนักดีกว่าเดิมถึง 37% ผสานพลังกับ ชิปประมวลผลภาพ V3+ โดยเฉพาะ ทำให้การเล่นเกมและการใช้งานทั่วไปลื่นไหลไม่มีสะดุด แถมยังประหยัดพลังงานจากการใช้ NPU ได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 56% เลยทีเดียว

 

 

แต่ที่น่าทึ่งที่สุดคือกล้อง! ถึงจะตัวเล็กแต่ ชุดกล้องหลังกลับอัปเกรดความละเอียดกล้องหลักไปถึง 200 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ ISOCELL HPB ขนาด 1/1.4 นิ้ว รูรับแสงกว้าง f/1.68 ให้ภาพคมชัดสุดๆ แถมยังมีกล้อง Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (เซนเซอร์ Sony LYT-602) และกล้อง Ultrawide 50 ล้านพิกเซล (เซนเซอร์ ISOCELL JN1) ที่ให้คุณภาพเดียวกับกล้องหน้า ทำให้การถ่ายภาพทุกรูปแบบออกมาเพอร์เฟกต์ ส่วนเรื่องความอึดก็หายห่วง เพราะรุ่นนี้ยัดแบตเตอรี่มาให้ถึง 6,040mAh พร้อมรองรับการชาร์จเร็วทั้งแบบมีสาย 90W และไร้สาย 40W พร้อมพอร์ต USB-C 3.2 Gen 1 ให้การโอนถ่ายข้อมูลเร็วปรื๋อ แถมยังมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับท็อป IP68 + IP69 ลำโพงคู่เสียงกระหึ่ม และขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด OriginOS 6 บนพื้นฐาน Android 16 เรียกว่า vivo X300 เป็นม้ามืดที่พิสูจน์ให้เห็นว่า "ขนาด" ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในโลกสมาร์ทโฟนอีกต่อไป!

  • vivo X300 มีราคาเปิดตัว 31,999 บาท

iQOO 15

 

 

iQOO 15 นี่ไม่ได้มาเล่นๆ แต่มาเพื่อ "ทุบ" ทุกสถิติของวงการเกมมิ่งโฟน! พระเอกเบอร์หนึ่งคือหน้าจอ 2K Samsung Everest Display ขนาด 6.85 นิ้ว ที่ร่วมกันพัฒนากับ Samsung Display โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นจอ 2K LEAD OLED รุ่นแรกของโลกที่ใช้พาเนลวัสดุ M14 จุดที่ทำให้ต้องอ้าปากค้างคือความสว่างสูงสุด (HDR) ที่พุ่งทะลุไปถึง 6,000 นิต! เรียกว่าสว่างขนาดนี้ ดูคอนเทนต์ HDR10+ หรือ Dolby Vision กลางแดดเปรี้ยงก็ยังเห็นชัดแจ๋ว แถมยังฉลาดสุดๆ ด้วยระบบตรวจจับแสงสามทิศทางที่ปรับความสว่างอัตโนมัติได้แม่นยำแม้ในสภาพแสงซับซ้อน นอกจากนี้ยังเอาใจสายเกมเมอร์หนักมาก ด้วยรีเฟรชเรท 144Hz และอัตราการตอบสนองการสัมผัสสูงถึง 3200Hz ให้การตอบสนองรวดเร็วเหนือแสง พร้อมเทคโนโลยีถนอมสายตา Eye Comfort 2.0 และหน้าจอกันแสงสะท้อนพิเศษ ทำให้คุณเล่นเกมได้ยาวๆ โดยไม่ต้องกลัวตาเสียหรือพลาดทุกวินาทีสำคัญ

 

 

แต่ความแรงที่แท้จริงอยู่ที่ขุมพลังภายใน เพราะ iQOO 15 จัดหนักด้วยชิปเซ็ตใหม่ล่าสุด Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 3nm สูตร All Big Core (2+6) ความเร็วประมวลผลสูงสุด 4.6GHz ประกบคู่กับหน่วยความจำ LPDDR5X Ultra (9600 Mbps) และพื้นที่เก็บข้อมูล UFS 4.1 ทำให้คะแนน AnTuTu ทะยานไปถึง 4.38 ล้านคะแนน! ไม่เท่านั้น iQOO ยังเสริมทัพด้วยชิปกราฟิก Q3 ที่พัฒนาเอง พร้อมเทคโนโลยี Ray Tracing, Super Resolution และ Frame Boost ให้คุณรันเกม AAA ความละเอียด 2K ที่ 144fps ได้แบบเต็มสูบ ไม่ต้องกลัวร้อน เพราะมีระบบระบายความร้อน Ice Dome Cooling System ที่มาพร้อมแผ่น VC ขนาดใหญ่และกราไฟต์สองชั้น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 14,000 ตร.มม. ซึ่งเคลมว่าเล่น Genshin Impact ต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง เครื่องยังร้อนสูงสุดแค่ 39.3°C เท่านั้น! แบตเตอรี่ก็อึดถึง 7,000mAh พร้อมชาร์จไว 100W (มีสาย) และ 40W (ไร้สาย) แถมยังมีโหมด Direct Power Supply ลดความร้อนขณะชาร์จไปเล่นเกมไปได้อีก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องหลังที่อัปเกรดแบบยกชุด ทั้งกล้องหลัก 50MP เซนเซอร์ Sony IMX921 พร้อม OIS และกล้อง Periscope Telephoto 50MP ที่ซูมดิจิทัลได้ถึง 100 เท่า โดยใช้ระบบเลนส์สามชั้น Prisma M-shaped และ Large Model AI Enhancement ช่วยให้ภาพถ่ายของคุณคมชัดและสวยสดแบบโปร บอกเลยว่า iQOO 15 เครื่องนี้คือ "สัตว์ประหลาด" ที่เกิดมาเพื่อครองบัลลังก์เกมมิ่งโฟนอย่างแท้จริง!

  • iQOO 15 ราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 29,900 บาท

Poco F8 Series 

อีกหนึ่งซีรีส์ที่น่าสนใจซึ่งเปิดตัวในช่วงเดือนที่ผ่านมาคือ Poco F8 Series ที่ประกอบไปด้วย Poco F8 Ultra และ Poco F8 Pro ซึ่งเป็นตระกูลที่คนชอบความคุ้มต้องหลงรักเช่นเคยครับ เพราะเป็นรุ่นที่ไม่กั๊กสเปกในราคาสบายกระเป๋า โดยมีจุดที่น่าสนใจดังนี้เลย

 

 

POCO F8 Pro

มาแล้ว! POCO F8 Pro สมาร์ทโฟนที่เกิดมาเพื่อสายคุ้มค่าและสาย Performance โดยแท้จริง! ดีไซน์ภายนอกถือว่ากินขาด ด้วยหน้าจอ AMOLED ขอบแบนขนาด 6.59 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz ที่มาพร้อมความสว่างสูงสุดเฉพาะจุดถึง 3,500 นิต ใช้พาเนล M10 ระดับพรีเมียม ให้ภาพคมชัดสีสันจัดจ้านสะใจ พร้อมกับตัวเครื่องที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ด้วยฝาหลังกระจกขึ้นรูปชิ้นเดียว ผสานกับเฟรมตัวเครื่องที่มีมุมโค้งมนเล็กน้อย ทำให้สัมผัสในการจับถือดีกว่าเดิมมาก น้ำหนักเบาเพียง 199 กรัม และบางแค่ 8 มม. มีให้เลือกถึงสามสีสุดเท่ ทั้ง Titanium Silver, Blue และ Black แถมยังปลดล็อกได้รวดเร็วทันใจด้วยเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบอัลตราโซนิกใต้หน้าจอเลยทีเดียว

 

 

ส่วนเรื่องความแรงนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เพราะ POCO F8 Pro เลือกใช้ชิปเซ็ตเรือธงตัวแรงแห่งปีอย่าง Snapdragon 8 Elite ที่กวาดคะแนน AnTuTu ไปได้กว่า 3.2 ล้านคะแนน! ประสิทธิภาพระดับนี้เปิดเกม AAA ที่ความละเอียดสูงก็ทำได้สบายๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อน เพราะมีระบบระบายความร้อนสุดล้ำ 3D Triple-layer IceLoop cooling system ที่เคลมว่าระบายความร้อนได้ดีกว่าเดิมถึง 40%! นอกจากจะแรงแล้วยังโคตรอึด ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 6,210mAh ที่ POCO กล้าเคลมว่าสามารถใช้งานโทรสายสนทนาต่อเนื่องได้นานกว่า 56 ชั่วโมง และถ้าแบตหมดก็หายห่วง เพราะมีเทคโนโลยี 100W HyperCharge ที่ชาร์จจาก 1% ถึง 50% ได้ในเวลาเพียง 16 นาทีเท่านั้น! แถมยังใจดีให้ชาร์จย้อนกลับได้อีก 22.5W ปิดท้ายด้วยชุดกล้องหลัง 3 ตัว นำโดยกล้องหลัก 50MP (เซนเซอร์ Light Fusion 800 พร้อม OIS) กล้อง Telephoto 50MP ที่ซูมแบบ Lossless ได้ถึง 5 เท่า และกล้อง Ultrawide 8MP มุมมอง 120 องศา เรียกได้ว่า POCO F8 Pro เป็นมือถือที่ "ครบเครื่อง แรงเร็ว และแบตอึด" ที่สุดอีกรุ่นในตลาดตอนนี้!

  • Poco F8 Pro เปิดตัวด้วยราคา 17,990 บาท

POCO F8 Ultra

 

 

บอกเลยว่า POCO F8 Ultra เกิดมาเพื่อเป็นราชาแห่งความแรงและพรีเมียมตัวจริง! ถึงแม้จะเป็นร่างที่รีแบรนด์มาจาก REDMI K90 Pro Max แต่สเปคที่ยกมาคือจัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก ด้วยดีไซน์ใหม่ที่หรูหราสะดุดตา มีให้เลือกสองสีสุดคลาสสิกอย่าง Denim Blue และ Black ส่วนหน้าจอคือที่สุดของความฟิน ด้วยพาเนล AMOLED ขนาดใหญ่ถึง 6.9 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz เพื่อการเล่นเกมและเสพคอนเทนต์ที่ลื่นไหลระดับเทพ ความสว่างของหน้าจอก็สุดขั้ว โดยความสว่างสูงสุดเฉพาะจุดพุ่งไปถึง 3,500 นิต และสว่างทั่วทั้งจอที่ 2,000 นิต แถมยังรองรับมาตรฐาน HDR10+ และ Dolby Vision ครบเครื่อง ให้คุณดื่มด่ำกับสีสันที่สดใสและคอนทราสต์ที่สมจริงในทุกสภาพแสง

 

 

หัวใจหลักที่ทำให้ F8 Ultra ลื่นไหลราวสายน้ำคือชิปเซ็ตเรือธงตัวใหม่ล่าสุด Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่มีความเร็วประมวลผลสูงถึง 4.6GHz ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับหน่วยความจำมาตรฐาน LPDDR5X และ UFS 4.1 ระดับท็อป ก็พร้อมชนกับทุกเกมและทุกแอปพลิเคชันที่ต้องใช้การเรนเดอร์หนักๆ ได้อย่างสบายๆ แถมยังเสริมทัพด้วยชิปประมวลผลภาพ VisionBoost D8 ที่ช่วยให้กราฟิกภายในเกมไหลลื่นและแสดงผลภาพแบบ HDR ได้ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้น! ส่วนเรื่องกล้องก็ไม่น้อยหน้า จัดกล้องหลังมาให้ถึง 3 ตัว ความละเอียด 50MP ทั้งหมด นำโดยกล้องหลักเซนเซอร์ Light Fusion 950 พร้อม OIS และกล้อง Periscope Telephoto ที่ซูมออปติคัลได้ไกลถึง 5 เท่า ให้ภาพถ่ายคมชัดทุกระยะ ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่สุดอึด 6,500mAh พร้อมชาร์จเร็วสะใจทั้งแบบมีสาย 100W และไร้สาย 50W แถมยังมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 ครบถ้วนทุกการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะมองมุมไหน POCO F8 Ultra ก็คือสมาร์ทโฟนระดับ Ultra ที่เกิดมาเพื่อครองใจเกมเมอร์และสายพรีเมียมอย่างแท้จริง!

  • POCO F8 Ultra เปิดตัวด้วยราคา 24,990 บาท

HONOR X9d 5G

 

 

HONOR X9d 5G มือถือที่ไม่ได้เน้นแค่ความสวย แต่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ "โคตรทน" ชนิดที่ว่าเครื่องอื่นทำไม่ได้! ดีไซน์ภายนอกยังคงเอกลักษณ์โมดูลกล้องทรงกลมอันโดดเด่น มีให้เลือกสามสีสุดยั่ว ทั้ง Reddish Brown, Sunrise Gold และ Midnight Black แต่ความลับที่แท้จริงอยู่ที่ความแกร่งระดับมหากาฬ ด้วยการออกแบบที่เน้นความทนทานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นกระจกกันกระแทกแบบหลายชั้น (Multilayer Cushioning Design) ที่เสริมชั้นดูดซับแรงกระแทกเข้าไปอีก ทำให้เครื่องนี้ได้รับการรับรอง Triple-resistant จาก SGS พร้อมรับมือกับการตกจากที่สูงถึง 2.5 เมตร! แถมยังเป็นมือถือสายลุยที่แท้ทรู เพราะมาพร้อมมาตรฐาน IP6X ป้องกันฝุ่นละเอียดระดับทรายและฝุ่นก่อสร้างได้อย่างสมบูรณ์แบบ และที่พีคกว่าคือมาตรฐาน IPX9K ที่ทนต่อการกระเซ็นของน้ำ ฝน และน้ำแรงดันสูงได้สบายๆ ทำให้คุณพกพาไปลุยได้ทุกสถานการณ์โดยไม่ต้องกังวล

 

 

นอกจากจะอึดถึกทนแล้ว สเปคภายในก็จัดเต็มแบบไม่ยอมใคร เริ่มจากหน้าจอ AMOLED ความละเอียด 1.5K ขนาด 6.79 นิ้ว ที่มีขอบบางเฉียบเพียง 1.3 มม. ให้พื้นที่การมองเห็นแบบเต็มตา ที่สำคัญคือความสว่างสูงสุดของหน้าจอที่พุ่งทะลุไปถึง 6,000 นิต! พร้อมเทคโนโลยี HONOR Eye Comfort Display ทำให้การใช้งานกลางแจ้งหรือดูคอนเทนต์ HDR เป็นไปอย่างคมชัด สดใส และสบายตา ส่วนขุมพลังมาจากชิปเซ็ตใหม่ล่าสุด Snapdragon 6 Gen 4 (4nm) ที่ทั้งแรงขึ้น 11% (CPU) และ 29% (GPU) แถมยังทำงานร่วมกับระบบระบายความร้อน VC Ice ของ HONOR ที่จัดการความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนแบตเตอรี่คือไฮไลท์ที่ต้องปรบมือให้ดังๆ เพราะให้ความจุมาถึง 8,300mAh! ที่ HONOR กล้าเคลมว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 3 วัน โดยที่แบตเตอรี่จะไม่เสื่อมประสิทธิภาพในระยะเวลา 6 ปี พร้อมชาร์จเร็ว 66W HONOR Supercharge นอกจากนี้ชุดกล้องหลัง 108MP พร้อม OIS และฟีเจอร์ AI สุดล้ำ ไม่ว่าจะเป็น AI Eraser, AI Eyes Open และ AI Cutout ก็พร้อมเปลี่ยนคุณให้เป็นโปรด้านการถ่ายภาพได้อย่างง่ายดาย ทำให้ HONOR X9d 5G เป็นมือถือที่ครบเครื่องทั้งความทนทานสุดขั้ว ประสิทธิภาพที่ลื่นไหล และแบตเตอรี่ที่อึดระดับตำนาน!

  • HONOR X9d 5G เปิดตัวด้วยราคา 11,990 บาท

realme C85 5G

 

 

อีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหามือถือที่ไม่ได้แค่ "อึด" แต่คือ "โคตรอึดระดับตำนาน" แถมแบตเตอรี่ก็มหาศาลใช้ได้ข้ามวันข้ามคืน ต้องกรี๊ดให้กับ realme C85 5G ตัวนี้เลย! เริ่มกันที่หน้าจอ LCD ขนาด 6.8 นิ้ว ที่มาพร้อมรีเฟรชเรท 144Hz ลื่นไหลไม่แพ้ใคร แถมยังสู้แดดได้สบายเพราะความสว่างสูงสุดถึง 1,200 นิต พร้อมเทคโนโลยี DC Dimming ช่วยถนอมสายตาให้คุณเล่นได้ยาวๆ สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้โดดเด่นแบบไร้คู่แข่งคือความทนทานสุดขั้ว เพราะมันผ่านมาตรฐานกันกระแทกระดับทหาร MIL-STD 810H! ไม่ว่าจะตกกระแทกก็รอด แถมยังกันน้ำกันฝุ่นจัดเต็มทั้ง IP69K, IP69, IP68 และ IP66 จะโดนฝน โดนละอองน้ำ หรือจะเผลอทำตกน้ำลึก 6 เมตรนาน 30 นาที ก็ยังใช้งานได้ต่อ! สำหรับแบตเตอรี่ก็จัดหนักด้วยความจุ 7,000mAh ที่ realme เคลมว่าถ้าใช้งานไปแล้ว 12 ชั่วโมง แบตเตอรี่ยังเหลือถึง 50% และรับประกันอายุการใช้งานยาวนานถึง 6 ปี! พร้อมรองรับชาร์จไว 45W และมีระบบ Bypass Charging ที่ช่วยลดความร้อนขณะเล่นเกมไปชาร์จไป และยังสามารถใช้ชาร์จย้อนกลับให้อุปกรณ์อื่นได้อีก 6.5W เรียกได้ว่าอึด แกร่ง และใจกว้างสุดๆ ไปเลย

 

 

ส่วนประสิทธิภาพการทำงานนั้นหายห่วง ด้วยขุมพลังชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6300 ที่พร้อมให้คุณใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างราบรื่น จับคู่กับ RAM 8GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุด 256GB ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ realme UI 6.0 บนพื้นฐาน Android 15 ในส่วนของกล้องก็ไม่น้อยหน้า ถึงแม้จะมีกล้องหลังตัวเดียวความละเอียด 50MP เซนเซอร์ Sony IMX852 แต่ก็ให้ภาพที่คมชัดสวยงามเกินราคา พร้อมกล้องหน้า 8MP และรองรับการถ่ายวิดีโอ 1080p ที่ 30fps แถมยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI สุดล้ำ AI Edit Genie เหมือนกับรุ่นพี่ ทำให้คุณสามารถแก้ไขรูปภาพด้วย AI ได้อย่างครบครัน จะลบวัตถุที่ไม่ต้องการ หรือปรับภาพให้ดูดีขึ้นก็ทำได้ง่ายๆ ในพริบตา นอกจากนี้ยังมาพร้อมลำโพงเดี่ยวที่รองรับการเพิ่มเสียงระดับ 400% และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มข้างตัวเครื่อง ทำให้ realme C85 5G เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ทั้งอึด ถึก ทน และแบตเตอรี่อยู่ได้นานจนลืมที่ชาร์จไปเลย!

  • realme C85 5G เปิดตัวด้วยราคา 6,999 บาท

HUAWEI nova 14 Series

HUAWEI nova 14 Series ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน โดยเปิดตัวมาทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ HUAWEI nova 14 Ultra, nova 14 Pro และ nova 14 แต่สำหรับในไทยจะมีวางจำหน่ายเฉพาะ 2 รุ่นหลังเท่านั้น โดยมีจุดเด่นด้านดีไซน์ที่สวยหรูดูพรีเมียม และด้านการถ่ายภาพอันเป็นจุดเด่นของค่ายนี้อยู่แล้ว ซึ่งแต่ละรุ่นมีรายละเอียดดังนี้

 

 

HUAWEI nova 14 Pro

HUAWEI nova 14 Pro รุ่นนี้กลับมาเขย่าวงการสมาร์ทโฟนอีกครั้งด้วยดีไซน์สุดล้ำและสเปคที่เน้นการถ่ายภาพและประสบการณ์พรีเมียม! ตัวเครื่องยังคงความบางเบาและโดดเด่นตามสไตล์ nova แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือหน้าจอ OLED ที่คมชัด สีสันสดใสจัดจ้านเต็มตา พร้อมอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ที่ทำให้การปัดนิ้วหรือเล่นเกมไหลลื่นไม่มีสะดุด และแน่นอนว่ารุ่นนี้มักจะมาพร้อมเทคโนโลยี Kunlun Glass ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานต่อรอยขีดข่วนและการตกกระแทก ทำให้มือถือของคุณสวยทนทานนานกว่าใคร! ส่วนเรื่องพลังงานก็หายห่วง เพราะรุ่น Pro ย่อมมาพร้อมแบตเตอรี่ 5500mAh ที่อึดกว่าเดิมและเทคโนโลยี HUAWEI SuperCharge 100W ที่ชาร์จเร็วทันใจ ไม่ต้องรอนานให้เสียอารมณ์ และคาดว่ามาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นที่อัปเกรดขึ้น ให้คุณใช้งานได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์

 

 

แต่ทีเด็ดที่ทำให้สาวกโซเชียลต้องตาลุกวาวคือ ชุดกล้องหน้าที่ยกเครื่องใหม่ทั้งหมด! HUAWEI มักจะใส่กล้องหน้าแบบ Dual Camera มาในรุ่น Pro พร้อมฟีเจอร์ที่เรียกว่า "ซูมได้" ด้วยเลนส์ Ultra-wide และเทคโนโลยี Auto-Focus ที่ทำให้คุณเซลฟี่ได้อย่างคมชัดทุกระยะ 50MP+8MP แถมยังซูมภาพหมู่ได้แบบไม่ตกขอบ ส่วนกล้องหลังนั้นก็ไม่ยอมแพ้ คาดว่าจะมาพร้อมเซนเซอร์ความละเอียดสูงระดับ 50MP ขึ้นไป พร้อมระบบประมวลผลภาพ XMAGE ที่ช่วยให้ภาพถ่ายกลางคืนหรือภาพ Portrait สวยมีมิติยิ่งกว่าเดิม! ด้านขุมพลังก็คาดว่าจะใช้ชิปเซ็ต Kirin 8020 ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในซีรีส์นี้ ทำให้การเล่นเกมและการใช้งานแอปพลิเคชันหนักๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ก็ถูกพัฒนาให้ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การใช้งานที่รวดเร็ว ฉลาด และเชื่อมต่อกับ Ecosystem ของ HUAWEI ได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้ HUAWEI nova 14 Pro ไม่ใช่แค่มือถือ แต่คืออุปกรณ์คู่ใจที่พร้อมให้คุณสร้างสรรค์คอนเทนต์และใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้อย่างลงตัวที่สุด!

  • HUAWEI nova 14 Pro เปิดตัวที่ราคา 18,990 บาท

HUAWEI nova 14 

 

 

HUAWEI nova 14 กลับมาพร้อมความลงตัวที่ทุกคนรักในซีรีส์ nova นั่นคือดีไซน์ที่ดูดีมีสไตล์ ตัวเครื่องบางเบาจับถนัดมือ และสีสันสดใสที่สะท้อนความเป็นแฟชั่นโฟนได้อย่างชัดเจน! รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอคุณภาพสูงแบบ OLED ที่ให้สีสันที่สดใสและความดำที่ลึกสมจริง ขนาดกำลังดีสำหรับการใช้งานทั่วไป พร้อมอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ทำให้การไถฟีดโซเชียลหรือดูวิดีโอเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด แถมยังมาพร้อมระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือใต้หน้าจอเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ส่วนเรื่องพลังงานก็ไว้ใจได้ ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 5500 mAh เพียงพอต่อการใช้งานตลอดวัน พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge 100W ที่จะช่วยเติมพลังกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเฝ้าเครื่องชาร์จนานๆ ทำให้ HUAWEI nova 14 เป็นเพื่อนร่วมทางที่พร้อมไปกับคุณได้ทุกที่อย่างมีสไตล์และไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมด

 

 

หัวใจสำคัญของ HUAWEI nova 14 อยู่ที่ประสิทธิภาพกล้องและการประมวลผลที่ฉลาดขึ้น! คาดการณ์ว่ารุ่นนี้จะมาพร้อมกับกล้องหลังหลักความละเอียดสูงถึง 50MP ที่ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลภาพ XMAGE อันเป็นเอกลักษณ์ของหัวเว่ย ทำให้ภาพถ่ายของคุณไม่ว่าจะเป็นวิวทิวทัศน์หรือภาพอาหารก็สวยคมชัด มีมิติ และเก็บรายละเอียดในที่แสงน้อยได้ดีเยี่ยม ส่วนกล้องหน้าก็จัดความละเอียดมาให้สูงถึง 50MP ที่เน้นการถ่ายเซลฟี่ให้ผิวสวยเนียนและเป็นธรรมชาติที่สุด ส่วนเรื่องการประมวลผลก็หายห่วง เพราะรุ่นนี้จะถูกขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Kirin 8000 ที่มอบความเร็วและความเสถียรสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอปพลิเคชัน การเล่นเกมเบาๆ หรือการสลับไปมาระหว่างหลายแอปพลิเคชัน ก็ทำได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด ด้วยระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ที่ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานง่ายและปลอดภัย ทำให้ HUAWEI nova 14 เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสมดุลระหว่างแฟชั่น ประสิทธิภาพกล้องที่เชื่อถือได้ และความคุ้มค่าอย่างลงตัว!

  • HUAWEI nova 14 เปิดตัวที่ราคา 14,990 บาท

Infinix HOT 60i 5G

 

 

Infinix Hot 60i 5G เปิดตัวมาเขย่าตลาดด้วยราคาสุดเบาหวิว แต่สเปคที่ให้มานั้นเกินราคาไปมากโขเลยทีเดียว! หัวใจหลักคือการประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6400 5G ที่ทำให้การใช้งานไหลลื่นไม่มีสะดุด รองรับสัญญาณ 5G ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูวิดีโอ หรือสลับแอปพลิเคชันก็ทำได้อย่างรวดเร็วทันใจ นอกจากความแรงแล้ว สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้โดดเด่นคือ แบตเตอรี่ความจุ 6,000mAh ที่อึดแบบสุดๆ Infinix เคลมว่าสามารถโทรสนทนาได้นานกว่า 41 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง! และแม้จะรองรับการชาร์จ 18W แต่อย่างน้อยก็มีฟีเจอร์ชาร์จย้อนกลับผ่านสายให้เพื่อนๆ ได้อีกด้วย ตัวเครื่องมาพร้อมดีไซน์ฝาหลังที่ดูพรีเมียมเกินราคา แถมยังมีความทนทานต่อฝุ่นและน้ำในระดับ IP64 ให้คุณใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกลัวละอองน้ำหรือฝุ่นเข้า

 

 

ส่วนประสบการณ์การใช้งานก็จัดเต็มไม่แพ้กัน ด้วยหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.75 นิ้ว ที่มาพร้อมอัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz ทำให้ทุกการปัดและการสัมผัสเป็นไปอย่างสมูทและรวดเร็ว แม้ว่าความละเอียดจะเป็น HD+ แต่ก็ให้ความสว่างสูงสุดที่ 670 นิต ทำให้ใช้งานกลางแจ้งได้ในระดับที่น่าพอใจ ดีไซน์กล้องหน้าแบบติ่งหยดน้ำ พร้อมกล้องหน้า 5MP และกล้องหลังความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.6 ที่มีโหมดถ่ายภาพและฟีเจอร์ AI ช่วยแก้ไขรูปภาพให้สวยงามอย่างครบครัน ที่สำคัญคือให้หน่วยความจำมาถึง RAM 8GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลถึง 256GB ซึ่งสามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุดถึง 2TB เลยทีเดียว พร้อมพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. ที่ยังคงมีมาให้ และระบบปฏิบัติการ XOS 15.1 บนพื้นฐาน Android 15 ทำให้ Infinix Hot 60i 5G เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่ต้องการมือถือ 5G สเปคดี แบตอึด และราคาคุ้มค่าที่สุดในงบประมาณห้าพันนิดๆ!

  • Infinix Hot 60i 5G เปิดตัวที่ราคา 5,199 บาท

Samsung Galaxy Tab A11+ 2025

 

 

และปิดท้ายด้วยแท็บเล็ตโทรได้อย่าง Samsung Galaxy Tab A11+ ที่บอกเลยว่านี่ไม่ใช่แค่แท็บเล็ตธรรมดา แต่เป็นมัลติฟังก์ชันสุดคล่องตัวที่สามารถ โทรออก รับ-ส่ง SMS และ OTP ได้ครบจบในเครื่องเดียว เหมือนเป็นมือถือจอใหญ่เลยทีเดียว! ดีไซน์ตัวเครื่องก็ทำออกมาได้พรีเมียมทันสมัย บางเบา พกพาสะดวก พร้อมหน้าจอใหญ่เต็มตาถึง 11 นิ้ว เพื่อการเรียน การทำงาน และความบันเทิงที่เต็มอิ่ม ส่วนเรื่องความอึดนั้นหายห่วง เพราะรุ่นนี้จัดแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 7,040mAh มาให้ใช้งานกันยาวๆ ต่อเนื่องไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมด แถมยังรองรับระบบชาร์จเร็ว 25W Fast Charging ที่ช่วยลดเวลาในการรอชาร์จไปได้เยอะมาก ที่สำคัญที่สุดคือ Samsung ใจป้ำสุดๆ ด้วยการ รับประกันอัปเดตซอฟต์แวร์ (OS) สูงสุดถึง 7 เวอร์ชัน และอัปเดตความปลอดภัยต่อเนื่องนานถึง 7 ปี! มั่นใจได้เลยว่าซื้อไปแล้วจะใช้งานได้ยาวนานหลายปีแบบไม่ตกเทรนด์แน่นอน

 

 

Galaxy Tab A11+ ไม่ได้มีดีแค่ความอึดและอายุยืนยาวเท่านั้น แต่ยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระดับเรือธงที่พร้อมยกระดับประสบการณ์การใช้งานแท็บเล็ตของคุณไปอีกขั้น! ตัวเครื่องทำงานบน One UI 8 บนพื้นฐาน Android 16 ตั้งแต่แกะกล่อง พร้อมรองรับฟีเจอร์เด็ดอย่าง Samsung DeX รุ่นล่าสุด ที่เปลี่ยนแท็บเล็ตให้กลายเป็นหน้าจอเดสก์ท็อปเพื่อการทำงานแบบมัลติทาสก์ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพกว่าเดิมหลายเท่า นอกจากนี้ยังตามเทรนด์ AI ได้ทัน ด้วยการใส่ฟีเจอร์สุดล้ำอย่าง Gemini และ Circle to Search with Google มาให้ใช้ได้ทันที เพิ่มความสะดวกสบายในการค้นหาและจัดการข้อมูลได้อย่างฉลาดขึ้นไปอีกขั้น! ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน หรือความบันเทิง รุ่นนี้ก็พร้อมจัดเต็มให้คุณแบบเต็มอรรถรส ด้วยอัตรารีเฟรชหน้าจอ 90Hz ที่ลื่นไหล และระบบลำโพงถึง 4 ตัว ให้เสียงรอบทิศทางเต็มอิ่มทุกการรับชมและเล่นเกม ด้วยสเปคที่ครบเครื่องขนาดนี้ พร้อมราคาที่คุ้มค่าและโปรโมชันเปิดตัวสุดพิเศษ บอกเลยว่านี่คือแท็บเล็ตที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว!

  • Samsung Galaxy Tab A11+ เปิดตัวด้วยราคา 9,990 บาท (5G) และ 7,990 บาท (Wi-Fi)

 

และย้ำอีกเช่นเคย ใครที่สนใจรุ่นไหน สามารถไปสัมผัสเครื่องจริงพร้อมส่วนลดโดนใจกันได้ที่ True Shop ทุกสาขาใกล้บ้านเลย สำหรับวันนี้ก็ต้องขอจบการแนะนำเพียงเท่านี้ จนกว่าจะพบกันใหม่ สวัสดีครับ :)

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง