รีเซต

สรุปมหากาพย์บ้านลี กวน ยู บิดาสร้างชาติสิงคโปร์ ลูกทะเลาะกันแย่งบ้าน

สรุปมหากาพย์บ้านลี กวน ยู บิดาสร้างชาติสิงคโปร์ ลูกทะเลาะกันแย่งบ้าน
TNN ช่อง16
6 พฤศจิกายน 2568 ( 13:24 )
8

บ้านเลขที่ 38 ถนนอ็อกซ์ลีย์ บ้าน 2 ชั้น 8 ห้องนอน บนพื้นที่ 280 ตารางวา ไม่ใช่บ้านที่ที่พิเศษกว่าหลังไหน แต่นี่คือหนึ่งในจุดเริ่มต้นมหากาพย์ความไม่ลงรอยกันของพี่น้องตระกูลลี ผู้ปกครองสิงคโปร์


นี่คือบ้านแห่งประวัติศาสตร์ของบุคคลผู้สร้างชาติสิงคโปร์ “ลี กวน ยู” กลายเป็นปัญหาภายในครอบครัว แต่รู้กันทั้งประเทศ เมื่อพี่ชายคนโตอย่าง “ลี เซียน ลุง” อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และ “ลี เซียน หยาง” น้องชายแท้ ๆ ของเขาเอง มีความเห็นไม่ลงรอยกัน เรื่องบ้านของครอบครัวตระกูลลี ที่พวกเขาเติบโตมา ว่าควรจะถูกทุบทิ้ง หรือเก็บไว้ เป็นอนุสรณ์สถาน สมบัติทรงคุณค่าของชาติ


ภูมิหลังบ้านเลขที่ 38


บ้านทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์นี้สร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นบ้านที่ลี กวน ยู อยู่ตั้งแต่ช่วงปี 1940 จนกระทั่งเสียชีวิต มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองอย่างเป็นสถานที่ประชุมของนักการเมืองคนสำคัญ และการก่อตั้งพรรคกิจประชาชน หรือ พรรค PAP ของลี กวน ยู ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลสิงคโปร์ในปัจจุบัน


นอกจากนี้ลูกทั้งสามคนของเขาอย่าง ลี เซียน ลุง, ลี เว่ย หลิง ลูกสาวคนเดียว และลี เซียน หยาง ก็เติบโตมากับบ้านหลังนี้


เปิดพินัยกรรมลี กวน ยู


ลี กวน ยู ได้ทำพินัยกรรมไว้หลายฉบับ หลายครั้ง บางครั้งก็ระบุว่า หลังตัวเขาเสียชีวิต ต้องการให้ทำลายบ้าน เพราะเขามองว่าเป็นเพราะบ้านเขาทำให้พื้นที่ตรงนี้สร้างตึกสูงไม่ได้ มันไม่ได้มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม และไม่อยากให้บ้านของครอบครัวมีคนนอกเข้ามา นอกจากนี้เขาก็เคยพูดในที่สาธารณะบ่อยครั้งว่า อยากให้ทำลายบ้านทิ้งไป


แต่มีครั้งหนึ่งที่เขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีต่าง ๆ ในการทำลายบ้านหลังนี้ ทำให้เขากลับมาทบทวนและคิดว่าควรรักษาบ้านนี้ไว้


แต่ฉบับล่าสุด ซึ่งเขาได้ทำไว้ในปี 2013 ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อปี 2015 ระบุไว้ว่า เขาต้องการให้ทำลายบ้าน แต่หากทำไม่ได้ให้ปิดไป อนุญาตให้ครอบครัวเข้าและทายาทเข้าได้เท่านั้น


ส่วนในประเด็นอื่นได้ระบุว่า อสังหาริมทรัพย์หลังนี้แบ่งให้ลูกทั้งสามคนเท่ากัน และอนุญาตให้ลี เว่ย หลิง สามารถอยู่ที่นี่ไปได้ตลอดตราบเท่าที่เธอต้องการ

ลี เซียน ลุง สงสัยอะไรในพินัยกรรม?


ลี เซียน ลุง สงสัยว่า พินัยกรรมฉบับที่ 8 หรือฉบับสุดท้าย มีความไม่ชอบมาพากล เพราะพินัยกรรม 6 ฉบับก่อนหน้า ทำโดยทนายส่วนตัวของลี กวน ยูเอง แต่ฉบับที่ 7 และฉบับสุดท้าย กลับทำโดยลี เซียต เฟิร์น ภรรยาของลี เซียน หยางที่เป็นทนายความ 


นอกจากนี้ในพินัยกรรมฉบับที่ 5 กับ 6 ก็ไม่ได้ระบุว่าต้องการรื้อถอนบ้านแล้ว แต่ข้อความนี้กลับมาอีกครั้งในฉบับที่ 7 และฉบับสุดท้าย ที่ลูกสะใภ้ของเขาเองเป็นทนายจัดทำ


จุดเริ่มต้นดรามาสะเทือนเกาะ


14 มิถุนายน 2017 ลี เซียน หยาง และลี เว่ย หลิง ออกแถลงการณ์กล่าวหา ลี เซียน ลุง พี่ชายของพวกเขาว่า บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพ่อเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง พวกเขากล่าวว่า พ่อต้องการให้รื้อถอนบ้านเลขที่ 38 และพวกเขารู้สึกถูกคุกคาม เพียงเพราะพยายามทำตามความปรารถนาของพ่อ


นอกจากนี้ยังกล่าวหาว่า ลี เซียน ลุง พี่ชายและนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อทำตามความต้องการของตนเอง


วันต่อมาลี เซียน ลุงโต้กลับโดยระบุว่า เขามีคำถามสำคัญต่อการทำพินัยกรรมฉบับสุดท้ายของพ่อ เพราะเมื่อเปิดผนึกอ่านพินัยกรรมในวันที่ 12 เมษายน 2015 ลี เซียน หยาง ย้ำซ้ำ ๆ ว่า ให้รื้อถอนบ้านทันที และการสนทนาก็จบลงที่ลี เว่ย หลิงกล่าวว่า เธอต้องการอยู่ที่นั่นต่อไป


เพื่อเป็นการยุติข้อพิพาท ลี เซียนลุง เสนอให้โอนบ้านในส่วนของเขาให้กับลี เว่ย หลิง ในราคาเพียง 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ โดยมีเงื่อนไขว่ารายได้ในอนาคตจะต้องนำไปบริจาคให้กับการกุศล


ในเวลาต่อมา หลังการเลือกตั้งในเดือนกันยายน ปี 2015 ลี เว่ย หลิงและลี เซียน หยางได้ตกลงตามข้อเสนอใหม่ของลี เซียน ลุง ที่จะโอนบ้านส่วนของเขาให้แก่นายลี เซียน หยาง ตามราคาตลาด โดยพี่ชายและน้องชายบริจาคเงินครึ่งหนึ่งให้กับการกุศล เพื่อป้องกันข้อโต้แย้งในอนาคตเกี่ยวกับเงินชดเชยหรือรายได้จากการพัฒนาโครงการ


รัฐบาลสิงคโปร์เข้ามาเกี่ยวตอนไหน ?


เรื่องราวนี้กลายเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วโลก นำไปสู่การที่ลี เซียน ลุง ต้องแถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2017 โดยเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภา "พิจารณาประเด็นต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน และซักถามตัวเขาและเพื่อนร่วมคณะรัฐมนตรีอย่างจริงจัง" เขากล่าวว่าเขาหวังว่าการแถลงอย่างเต็มรูปแบบจะช่วยขจัดข้อสงสัยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น


ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับรัฐมนตรีขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นมีลอว์เรนซ์ หว่อง ที่ปัจจุบันเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย


ในวันที่ 2 เมษายน 2018 คณะกรรมการได้เผยแพร่รายงานขั้นสุดท้ายพร้อมข้อเสนอ 3 ประการ ได้แก่ การรักษาบ้านไว้ทั้งหมด, การรักษาไว้เฉพาะห้องรับประทานอาหารในชั้นใต้ดินที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ หรืออนุญาตให้รื้อถอนไป


อย่างไรก็ตามรายงานดังกล่าวไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรต่อบ้าน เพราะลี เว่ย หลิงยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น

ครอบครัวน้องชายเผชิญคดีความ


ลี เซียต เฟิร์น ภรรยาลี เซียน หยาง ถูกศาลวินัยตัดสินว่ามีความผิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2020 ในข้อหาประพฤติมิชอบอย่างร้ายแรงในการจัดการพินัยกรรมฉบับสุดท้ายของพ่อสามี ต่อมาในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2020 ศาลได้สั่งพักงานทนายความเป็นเวลา 15 เดือน


นอกจากนี้ศาลยังระบุว่า สองสามีภรรยาคู่นี้ให้ข้อมูลเท็จแก่เกี่ยวกับลี กวน ยูในการดำเนินการตามพินัยกรรมฉบับสุดท้ายของเขา และพวกเขายังโกหกในการพิจารณาคดีที่มีการสาบานต่อศาลด้วย

ทั้งคู่เดินทางออกจากสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน ปี 2022 และไม่ไปสอบปากคำกับตำรวจ และยังบอกภายหลังการเสียชีวิตของลี เว่ย หลิง ในเดือนตุลาคม ปี 2024 ว่า เขาจะไม่กลับมาร่วมพิธีศพ


ความเคลื่อนไหวเมื่อลี เว่ย หลิง เสียชีวิต


การเสียชีวิตของลี เว่ย หลิง เป็นเหมือนสลักที่ถูกดึงออก ทำให้ข้อพิพาทนี้กลับมามีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง 


เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2024 หนึ่งสัปดาห์หลังจากการเสียชีวิตของลี เว่ย หลิง ลี เซียน หยาง ประกาศเจตนารมณ์ที่จะรื้อถอนบ้านหลังนี้ โดยเขาได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กยืนยันว่าตนเองเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 38 ถนนอ็อกซ์ลีย์ ตามกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว


ส่วนลี เซียนลุง โพสต์ว่า เขาเคยกล่าวในรัฐสภาเมื่อปี 2015 ว่า เมื่อเว่ย หลิงจากไป จะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลสมัยนั้นที่จะตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้มีการรื้อถอนหรือไม่ เก้าปีผ่านไปแล้ว วันนั้นก็คือวันนี้


ลี เซียน หยาง ได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานพัฒนาเมืองเพื่อดำเนินการรื้อถอนเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ปี 2024


ต่อมาคณะกรรมการมรดกแห่งชาติ (NHB) ระบุว่า จะทำการศึกษาเพื่อพิจารณาว่า บ้านหลังนี้ควรอนุรักษ์เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติหรือรื้อถอน ซึ่งลี เซียน หยางก็ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง ตัดสินใจทันที


ทางการออกมาโต้ว่า ลี เซียน หยาง เร่งรีบเกินไป พูดแต่เรื่องพินัยกรรมฉบับสุดท้าย ไม่พูดเรื่องตัวเองโกหกต่อศาล และก่อนหน้านี้ลี กวน ยูก็เคยมีข้อเสนอให้อนุรักษ์บ้านหลังนี้ และยังเคยเสนอแผนการปรับปรุงบ้านด้วย


เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2024 ประเด็นนี้ถูกพูดถึงในสภาอีกครั้ง เมื่อมีสมาชิกสภาถามว่า ทำไมยังต้องศึกษาเพิ่มอีก ในเมื่อการหน้านี้มีการพิจารณาความสำคัญไปแล้ว


เอ็ดวิน ทง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ชุมชน และเยาวชน ตอบเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ผลการศึกษาครั้งก่อนได้ถูกนำไปรวมไว้ในรายงานของคณะกรรมการในปี 2018 แต่ไม่ได้นำเสนอต่อคณะกรรมการที่ปรึกษาการอนุรักษ์สถานที่และอนุสรณ์สถาน


นายทงกล่าวว่า ด้วยคำร้องล่าสุดของเจ้าของบ้านให้รื้อถอนบ้านไป ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ อย่างเหมาะสมและครบถ้วนได้ทันที NHB จึงได้เริ่มกระบวนการพิจารณาความเหมาะสมของบ้านเลขที่ 38 ถนนอ็อกซ์ลีย์ในการอนุรักษ์เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ


การดำเนินการนี้เป็นไปตามกระบวนการประเมินปกติ ก่อนที่จะอนุรักษ์อาคาร สถานที่ หรือโครงสร้างใด ๆ ไว้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ และจะนำกระบวนการนี้ไปใช้กับบ้านเลขที่ 38


บทสรุปบ้านเลขที่ 38


ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (3 พฤศจิกายน) คณะกรรมการที่ปรึกษาการอนุรักษ์สถานที่และอนุสรณ์สถานได้ประกาศว่า สถานที่ดังกล่าวได้รับการประเมินว่า “มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และระดับชาติ และสมควรแก่การอนุรักษ์ไว้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ”


ข้อสรุปนี้รัฐมนตรีฝ่ายต่าง ๆ ก็ล้วนเห็นด้วย และในอนาคตหากได้รับการอนุมัติให้รักษาบ้านหลังนี้ไว้จริง รัฐบาลอาจเปลี่ยนบ้านเป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับประชาชน หรือเป็นสวนมรดก ซึ่งหมายถึงไม่สามารถพัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย เชิงพาณิชย์ หรือความต้องการส่วนตัวอื่น ๆ 


เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นนิติบุคคลที่ชื่อว่า 38 Oxley Road Pte Ltd ซึ่งเป็นของลี เซียน หยาง และหลี ฮวนวู่ (Li Huanwu) ลูกชายของเขา เป็นผู้อำนวยการเพียงคนเดียว โดยเจ้าของบ้านมีเวลาจนถึงวันที่ 17 พฤศจิกายนในการยื่นอุทธรณ์

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง