BBIK ประกาศปิดดีล ถือหุ้นใหญ่ GMVPI ดันบริการครบวงจร
#BBIK #ทันหุ้น – BBIK ลงทุน GMVPI เสริมศักยภาพการแข่งขัน สร้างโอกาสทางธุรกิจ มุ่งสู่การเป็นที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นครบวงจร พร้อมขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ฟากผู้บริหารใส่เกียร์ดันรายได้ปี 2565 โตไม่ต่ำกว่า 30%
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK บริษัทคอนซัลต์ชั้นนำผู้ให้บริการด้าน Digital Transformation เปิดเผยว่า ได้เข้าลงทุนใน บริษัท จีเอ็มวีพาย จำกัด (GMVPI) บริษัทที่ปรึกษาด้านระบบ SAP ครบวงจร ผ่านการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 80จากผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพและขยายขอบเขตการให้บริการที่ปรึกษาระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP ไปยังกลุ่มลูกค้าที่ใช้ SAP ในการบริหารจัดการองค์กร หวังเพิ่มแต้มต่อในการแข่งขันสู่การเป็นที่ปรึกษาชั้นนำระดับภูมิภาค
** ลงทุนเสริมฐานแกร่ง
สำหรับการเข้าลงทุนใน บริษัท จีเอ็มวีพาย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญระดับสูงในระบบ SAP จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับบลูบิคสู่การเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation อย่างครบวงจร ช่วยขยายฐานลูกค้าของ บลูบิคไปยังกลุ่มองค์กรที่ใช้ระบบ SAP ในการบริหารจัดการภายในซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่พร้อมลงทุนในด้านนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการองค์กร รวมถึงต่อยอดสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บนระบบ SAP
“ท่ามกลางกระแส Digital Transformation หลายองค์กรต่างให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาขับเคลื่อนกระบวนการทางธุรกิจต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งระบบ SAP เองก็ถือว่าเป็นระบบที่มีเสถียรภาพสูงและได้รับการยอมรับจากองค์กรชั้นนำมากมายในการนำมาใช้บริหารจัดการองค์กร บริษัทจึงตัดสินใจเข้าลงทุนใน จีเอ็มวีพาย และเชื่อว่าความเชี่ยวชาญของ จีเอ็มวีพาย จะสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับทางบลูบิค” นายพชร กล่าว
** พัฒนาโปรดักต์ใหม่
การเข้าซื้อหุ้นของจีเอ็มวีพายในสัดส่วนร้อยละ 80 คิดเป็นมูลค่า 20 ล้านบาทในครั้งนี้ บลูบิคเชื่อว่านอกจากจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทยังเป็นการเสริมศักยภาพการเติบโตให้กับจีเอ็มวีพายในระยะยาว อีกทั้งจีเอ็มวีพายและบลูบิคยังมีแผนในการนำจุดแข็งของทั้งสององค์กรมาร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ๆ บนระบบ SAP เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุค Digital Transformation ให้มากขึ้นอีกด้วย
บลูบิคเชื่อมั่นว่าแนวโน้มตลาด SAP ในประเทศไทยและเอเชีย-แปซิฟิกยังคงมีการเติบโตอีกมาก เนื่องจากการทำ Digital Transformation เป็นสิ่งที่องค์กรส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ จึงมองหาระบบ ERP เพื่อนำมาบริหารจัดการองค์กร โดยเฉพาะระบบ SAP ถือเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ที่องค์กรให้ความสนใจ อีกทั้งกลุ่มองค์กรที่ปัจจุบันใช้งานระบบ SAP อยู่แล้วต่างเร่งอัปเกรดระบบให้มีความทันสมัยมากขึ้น จึงเชื่อว่าในอนาคตจะมีลูกค้าที่ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับระบบ SAP เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
** ผลงานโตต่อเนื่อง
กระแส Digital Transformation เป็นปัจจัยหนุนให้บลูบิคมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลประกอบการตลอด 9 เดือนแรกของปี 2564 บลูบิคมีรายได้รวม 197.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.32% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 45.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.32%
ส่วนในปี 2565 บริษัทมีการวางเป้าหมายทำรายได้เพิ่มขึ้นจากการให้บริการไม่ต่ำกว่า 30% ผ่านการขยายตัวของบริการหลักเกือบทุกกลุ่ม ได้แก่ บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ บริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี บริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ รวมถึงมุ่งสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากบริการที่ปรึกษาการบริหารจัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ และบริการใหม่ คือ ที่ปรึกษาด้านการปรับกระบวนการทำการตลาดด้วยเทคโนโลยีและการวางกลยุทธ์การตลาดครบวงจร