รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
10 มิถุนายน 2568 ( 09:33 )
14

#ทันหุ้น - บล.ฟินันเซียไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่ง Sideways to Sideways Up ในกรอบกรอบ 1,130-1,145 จุด โดยแรงหนุนยังคงมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเนื่องคาดหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำ สำหรับการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนวันแรกโทนเป็นบวกอ่อนๆ โดยโฟกัสของการเจรจาอยู่ที่การผ่อนคลายมาตรการควบคุมส่งออกด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และกับจีนที่จะผ่อนคลายการส่งออกแร่หายาก โดยจะเจรจาต่อวันนี้เป็นวันที่ 2 ทำให้บรรยากาศการลงทุนยังค่อนไปในทางบวกและเม็ดเงินยังทยอยไหลเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ผ่านแนวต้านระยะสั้น US$65 ต่อบาร์เรล ทำให้มีโอกาสไต่ระดับเข้าหา US$68-70 ต่อบาร์เรล 

 

อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของ SET Index คาดว่า Upside ยังจำกัด เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นในประเทศ โดยตลาดยังคงกังวลต่อโมเมนตัมเศรษฐกิจที่อ่อนแรง และขาดมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาล รวมถึงการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการปรับครม.และเสถียรภาพของรัฐบาล หากยังไม่กลับไปยืนเหนือแนวต้าน 1,360 จุด ภาพรวมจะยังไม่กลับมาเป็นบวก เราจึงยังเน้นกลยุทธ์ Bottom Up เลือกลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว 

 

กลยุทธ์ : ยังเน้นเลือกหุhนที่มีแนวโน้มกำไร 2Q25-2025 แข็งแกร่งและมีความแน่นอนของกำไรสูง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : CPALL, MTC, OSP, SJWD, STECON

FSSIA Portfolio :  BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON

 

หุ้นเด่นวันนี้ : TOP

• แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 29.71 บาท

• ราคาน้ำมันดิบที่เร่งตัวขึ้นและทำ High จากรอบล่าสุดได้ระยะสั้นคาดเป็น Sentiment หนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำ ขณะที่ค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับสูงราว US$7 ต่อบาร์เรล คาดหนุนผลการดำเนินงาน 2Q25 เติบโต

• กรณีน้ำมันรั่วบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลกระทบจำกัด โดยทุ่นรับน้ำมัน (SBM-2) เสียหายเพียงเล็กน้อย และมีปริมาณน้ำมันรั่วไหลไม่มากและสามารถขจัดได้ ส่วนความเสียหายอื่นๆ ประกันน่าจะ cover ได้เกือบหมด ราคาหุ้นปรับลงน่าจะสะท้อนผลกระทบไปแล้วและเป็นผลกระทบที่จำกัด

• แนวรับ 27 บาท แนวต้าน 29//30 บาท

 

ด้าน บล.ดาโอ คาดดัชนีฯ แกว่งแคบในกรอบ รอข่าวบวกใหม่ๆ และการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน 1132 -1145 จุด โดยตลาดหุ้นไทย ยังคงรอความชัดเจน เรื่องที่ประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างไทย-สหรัฐ ซึ่งหากได้ข้อสรุปที่ดี ก็จะหนุน SET index ให้ฟื้นตัวกลับมาได้ เรามองกรอบการเคลื่อนไหววันที่ 1132 - 1145 จุด 

 

• การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ผ่านวันแรกไปแล้ว เตรียมดำเนินต่อเป็นวันที่สอง" ตามรายงานจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายพยายามคลี่คลายความตึงเครียดที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกเทคโนโลยีและธาตุหายาก

 

• ดัชนี S&P 500 ตัวแทนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 6,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว เป็นสัญญาณที่ดีของตลาดหุ้นอื่นๆ ที่คลายความกังวลทั้งในเรื่องสงครามการค้า และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

• ก.พาณิชย์ เปิดเผยไทยได้ยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อ USTR อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 ซึ่งได้รับการตอบรับเชิงบวกจาก รมว.คลังสหรัฐฯ โดยได้เสนอแนวทางสำคัญ เช่น  เสริมความร่วมมือในสาขาอาหารแปรรูป ดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ และ AI ขยายการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เช่น พลังงาน สินค้าเกษตร และชิ้นส่วนอากาศยาน เปิดตลาดและลดอุปสรรคทางการค้า แก้ไขมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี ป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า  และส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ โดยอยู่ระหว่างนัดวันประชุมรอบแรก

 

• ตลาดฯจะเปิดตัวโครงการ Jump+ เป็นทางการ โดยตั้งเป้าบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วม 50-100 บริษัทในปีนี้ ทั้งนี้ โครงการ Jump+  จะดำเนินการใน 3 ปี เพื่อสนับสนุนให้ บจ.มีการลงทุน ลดค่าใช้จ่าย มุ่งเน้นเพิ่มกำไร และเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยค่าใช้จ่าย หรือสนับสนุนการใช้ AI โดยจะประสานให้ทาง Google หรือ Amazon เข้ามาช่วยเหลือ บจ. เพื่อให้ค่าใช้จ่ายลดลง

 

• รมว. คลัง ตั้งเป้า 4 เรื่อง สร้างความเชื่อมั่นเพื่อดึงการลงทุนกลับมา ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เติบโตขึ้นได้  1.การสร้างการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ดาต้าเซนเตอร์ AI, EV,  ไบโอเทคโนโลยี โดย BOI จะมีหลักเกณฑ์การลงทุนใหม่ที่ระบุถึงการใช้วัตถุดิบในประเทศ และการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะสนับสนุนการลงทุนของต่างชาติมากขึ้น 2.การสร้างความโปร่งใสในตลาดหุ้น โยการปรับแก้กฎหมายเพิ่มโทษทางอาญาเข้ามา เช่น การทำ naked short sale 3.รัฐจะเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยให้เอกชนร่วมลงทุนกับภาครัฐ 4.การปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยและออกกฎหมายที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการลงทุน โดยเฉพาะการเช่าที่ดินระยะยาว

 

•  รวมไทยสร้างชาติ วงแตก! ไม่เอา "พีระพันธุ์" ปรับครม.ขอเปลี่ยน รมต.

 

•  ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับปรุงหลักทรัพย์ที่ให้ผู้ลงทุนกลุ่ม High-Frequency Trading (HFT) สามารถซื้อได้ เริ่มใช้ 7 ก.ค. 68 นี้ หลักๆ คือ หุ้นใน SET100 หุ้นในกระดาน foreign และ NVDR

 

• Event วันนี้ : การประชุมครม.

 

Technical : BCH, KAMART

 

ขณะที่ บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมิน SET มีโอกาสทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,120 – 1,130 แนวต้าน 1,140 – 1,150 ระหว่างรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – จีน และการเริ่มเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย ขณะที่วันศุกร์นี้ยังต้องติดตามการไต่สวนของศาลฎีกาในกรณีคุณทักษิณ แนะนำซื้อเก็งกำไร CK,STECON,TASCO หลัง ก.คมนาคมเตรียมขออนุมัติงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 5.6 หมื่น ลบ.  

 

III (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 6.00 บาท) แนวโน้ม 2Q68 คาดกำไรปกติมีโอกาสฟื้นตัว QoQ, YoY ตามปริมาณขนส่งสินค้าที่กลับสู่ระดับปกติหลังผ่านตรุษจีน ประกอบกับค่าระวางการขนส่งที่ทยอยฟื้นตัวรับผลบวกจากการชะลอการบังคับใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ออกไป 90 วัน อาจทำให้มีการเร่งส่งออกมากขึ้น ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก ANI และ AOTGA ยังมีทิศทางเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน โดยธุรกิจบริการภาคพื้นของ AOTGA ได้เปิดให้บริการคลังสินค้าแบบ Multimodal Warehouse ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมถึงมีโอกาสเติบโตได้อีกจากการประมูลผู้ให้บริการภาคพื้นดินของสนามบินสุวรรณภูมิรายที่ 3 ที่จะประกาศผลใน 3Q68 โดยเราคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 68-69 ที่ 487 ล้านบาท +10%YoY และ 563 ล้านบาท +16%YoY

 

TMAN* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 22.00 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 122 ลบ.(-13%YoY, +12%QoQ) การอ่อนตัว YoY มาจาก Produxt Mix ที่เปลี่ยนไป(สัดส่วนยาสูงขึ้น) และแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาด อย่างไรก็ตาม คาดว่าช่วงที่เหลือของปี การเติบโตของรายได้จะสามารถชดเชยปัจจัยลบดังกล่าวในไตรมาส1 ได้ โดย ทาง TMAN* เอง ตั้งเป้าหมายในระยะ 5 ปีข้างหน้า(68-72) รายได้เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10-15% ต่อปี และตั้งเป้าเป็น Top 5 ในตลาด OTC (Over-The-Counter) และ Top 10 ในตลาดร.พ. ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าปี67 และ68 กำไรสุทธิของ TMAN* จะอยู่ที่ 491 ลบ. (+9%YoY) และ 544 ลบ.(+11%YoY)

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง