รีเซต

MEGA กางแผนลงทุน 5 ปี ทุ่มงบ 100 ล้านเหรียญ ขยายฐานโรงงานผลิตยา มั่นใจปี 2568 ผลงานโตตามเป้าระดับ High Single Digit

MEGA กางแผนลงทุน 5 ปี ทุ่มงบ 100 ล้านเหรียญ ขยายฐานโรงงานผลิตยา มั่นใจปี 2568 ผลงานโตตามเป้าระดับ High Single Digit
TNN ช่อง16
29 พฤษภาคม 2568 ( 15:50 )
7

นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ [MEGA] เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปี 2568 จะเติบโตในระดับ High Single Digit แม้ว่ายอดขายในเมียนมาจะยังไม่กลับมาเป็นปกติ โดยบริษัทจะเร่งขยายและต่อยอดเพื่อเพิ่มยอดขายในแต่ละประเทศที่ได้เข้าไปลงทุน ทั้งผลิตภัณฑ์ Consumer Product ผ่านช่องทางร้านขายยา และยารักษาโรคที่ต้องมีแพทย์เป็นผู้สั่งจ่าย ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิปีนี้เติบโตแตะ 2,400 ล้านบาทได้ตามแผนกลยุทธ์ 5 ปี (ปี 2564-2568)

ปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนามากกว่า 120 ผลิตภัณฑ์ โดยปีนี้มีแผนจะออก 35 ผลิตภัณฑ์ใหม่มีเอกลักษณ์เฉพาะ (Unique Product) เพื่อต่อยอดการเติบโตในอีก 5 ปีข้างหน้า

บริษัทอยู่ระหว่างการทำแผนกลยุทธ์ในระยะ 5 ปีต่อจากนี้ (ปี 2568-2573) โดยได้จัดเตรียมงบลงทุนประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับช่วง 2-3 ปีนี้ ซึ่งขณะนี้ลงทุนในอินโดนีเซียไปแล้ว และจะลงทุนในเวียดนาม 25 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนขออนุญาตก่อสร้างโรงงานคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีจึงจะเริ่มผลิตได้ รวมทั้งการลงทุนในแบรนด์สินค้า พัฒนาสินค้าใหม่ ประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายการลงทุนในทุกประเทศที่ MEGA มีทีมงานพร้อมแล้ว

บริษัทยังคงแผนสร้างโรงงานในเมียนมาเพื่อแก้ปัญหาการนำเข้าผลิตภัณฑ์จำหน่ายที่มีอุปสรรค ซึ่งปัจจุบันได้รับใบอนุญาตแล้วอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องแผนลงทุน คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 15-20 ล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะนี้สถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ทำให้ยอดขายหายไปส่วนหนึ่ง และบริษัทไม่สามารถส่งสินค้าไปได้เพียงพอ แต่ก็ยังขายได้ 60-70% ซึ่งมองว่าโอกาสในตลาดเมียนมายังมีอยู่หากสามารถผลิตในประเทศได้ก็จะทำให้มีสินค้าออกมาขายได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การลงทุนสร้างโรงงานในเมียนมายังจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายธุรกิจในอนาคตเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น

บริษัทยังคาดว่าจะใช้เงินลงทุนช่วงปี 2568-2569 จำนวน 515 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตยาในรูปแบบใหม่ คลังสินค้า และพัฒนาโรงงานผลิตยาในอินโดนีเซีย จำนวน 505 ล้านบาท จะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/69 และถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 2 ปี โดยยอดขายในอินโดฯ น่าจะแตะระดับ 50 ล้านเหรียญสหรัฐและสร้างกำไร 5 ล้านเหรียญสหรัฐได้ภายในปี 2573

พร้อมกันน้น บริษัทจะลงทุนในประเทศไทยด้านความยั่งยืนในเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมมาภิบาล (ESG) สำหรับการดำเนินงานโรงงานผลิตสินค้าจำนวน 10 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2568 รายได้ 3,208 ล้านบาท ลดลง 14.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เนื่องจากรายได้จากธุรกิจการจัดจำหน่าย Maxxcare ในเมียนมาลดลง รวมทั้งผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่า อย่างไรก็ตามรายได้ของธุรกิจ Mega We Care ในตลาดอื่น ๆ ยังคงเติบโตในระดับตัวเลขสองหลักต้น ๆ ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ 450 ล้านบาท ลดลง 5.8% YoY ชะลอตัวลงเล็กน้อย จากธุรกิจการจัดจำหน่าย Maxxcare แต่ได้แรงหนุนจากการเติบโตของ Mega We Care

นายวิเวก กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทไม่มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืน เนื่องจากต้องการมุ่งเน้นการลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจที่มีในหลายประเทศ และขยายตลาดให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคตในอนาคต

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง