เงินบาทผันผวนคืออะไร? ทำไมต้องสนใจ แม้เราไม่ได้ไปแลกเงินดอลลาร์
ธปท.เผยเงินบาทแข็ง 0.5% หลังนักลงทุนมั่นใจเอเชีย แม้ไม่ใช่นักธุรกิจหรือสายท่องเที่ยวก็ต้องรู้ เพราะค่าเงินมีผลต่อราคาสินค้า ค่าครองชีพ และเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ
เงินบาทผันผวนคืออะไร? ทำไมต้องสนใจ แม้เราไม่ได้ไปแลกเงินดอลลาร์
ค่าเงินขึ้นลงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่กระทบกระเป๋าเงินเราแบบเงียบๆ
ช่วงนี้หลายคนอาจได้ยินคำว่า “เงินบาทแข็งค่า” หรือ “ค่าเงินผันผวน” บ่อยขึ้นในข่าวเศรษฐกิจ หลายคนอาจสงสัยว่าเกี่ยวอะไรกับชีวิตเรา?
ลองนึกว่า เงินบาทก็เหมือนราคาสินค้า ที่เปลี่ยนไปตามแรงซื้อแรงขาย ถ้าคนทั่วโลกอยากได้เงินบาทมากๆ มันก็ “แพง” หรือ “แข็งค่า” แต่ถ้าไม่มีใครอยากได้ ก็ “อ่อนค่า” หรือถูกลง
ทำไมช่วงนี้เงินบาทแข็งขึ้น?
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยนางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ โฆษกธปท. เปิดเผยว่า ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ความตึงเครียดในสงครามการค้าระหว่างประเทศเริ่มลดลง ทำให้นักลงทุนต่างชาติกล้ากลับเข้ามาลงทุนในเอเชียมากขึ้น รวมถึงประเทศไทย
ผลก็คือ เงินบาทของไทยจึง แข็งค่าขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ใกล้เคียงกับค่าเงินประเทศเพื่อนบ้าน เช่น
- อินโดนีเซีย: แข็งขึ้น 1.1%
- เกาหลีใต้: แข็งขึ้น 1.1%
- มาเลเซีย: แข็งขึ้น 0.6%
คนทั่วไปเกี่ยวอะไรกับค่าเงิน?
แม้ไม่ได้เดินทางต่างประเทศหรือค้าขายระหว่างประเทศ แต่ค่าเงินบาทที่แข็งหรืออ่อนก็ส่งผลกับชีวิตประจำวัน เช่น
- บาทแข็ง → นำเข้าสินค้าต่างประเทศถูกลง เช่น น้ำมัน โทรศัพท์ ยา เครื่องใช้ไฟฟ้า
- บาทอ่อน → สินค้านำเข้าแพงขึ้น → ค่าครองชีพเพิ่มตาม เช่น ค่าน้ำมันแพงขึ้น ขนส่งขึ้น ราคาของกินก็ขึ้น
แล้วทำไมธนาคารชาติถึงต้องจับตา?
เมื่อค่าเงิน “เหวี่ยงแรง” ธุรกิจส่งออกนำเข้าได้รับผลกระทบทันที เช่น โรงงานส่งสินค้าไปต่างประเทศ อาจขาดทุนเพราะได้เงินบาทน้อยกว่าที่ควรจะได้ ธปท.จึงแนะนำให้ภาคเอกชนใช้เครื่องมือ “ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน” อย่าหวังพึ่งโชค
สรุปแบบชาวบ้าน
- ช่วงนี้เงินบาทแข็งขึ้น เพราะนักลงทุนเชื่อมั่นในเศรษฐกิจเอเชียมากขึ้น
- ค่าเงินส่งผลต่อราคาสินค้าในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะของนำเข้า
- ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศควรป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
- ธปท.จะยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ค่าเงินแกว่งแรงเกินไป