รีเซต

BGRIM ดีลลูกค้าตุนพอร์ต ลุยดาต้า-สายส่งอัพแกร่ง

BGRIM ดีลลูกค้าตุนพอร์ต ลุยดาต้า-สายส่งอัพแกร่ง
ทันหุ้น
11 พฤศจิกายน 2568 ( 02:00 )
13

#BGRIM  #ทันหุ้น - BGRIM รุกดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) ขนาด 100 เมกะวัตต์ตามแผน เดินหน้าเร่งสรุปผลเจรจากับลูกค้ากลุ่ม Hyperscale ภายในปีนี้  แถมเตรียมความพร้อมด้านพลังงานไฟฟ้า 2,000 เมกะวัตต์ ร่วมกับพันธมิตรภายใต้เงื่อนไข Direct PPA และชูเทคโนโลยี Smart Transmission System และ IOC Platform รองรับการเติบโตของธุรกิจสายส่งควบคู่ไปกับพลังงานสะอาด ด้านโบรกคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ในกรอบ 375-533 ล้านบาท หนุนจากกำไร FX และคาดกำไรสุทธิปี 2569 โต 144% YoY  เล็งเป้าราคา 22 บา

นายนพเดช  กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศไทย มาเลเซีย และโซลูชั่นธุรกิจอุตสาหกรรม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยความคืบหน้าโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) ขนาด 100 เมกะวัตต์ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดชลบุรี ยังคงดำเนินงานได้ตามแผน ล่าสุดอยู่ระหว่างสรุปผลการเจรจาร่วมกับลูกค้าขนาดใหญ่ (กลุ่ม Hyperscale) ภายในสิ้นปี 2568 นี้

ขณะเดียวกันทาง BGRIM ได้เริ่มศึกษา - เตรียมความพร้อมด้านพลังงานไฟฟ้า (Electricity Preparation) ประมาณ 2,000 เมกะวัตต์ร่วมกับพันธมิตรภายใต้เงื่อนไข Direct PPA (Power Purchase Agreement) เพื่อรองรับความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าของดาต้าเซ็นเตอร์ ดังกล่าว

รุกสายส่งอัจฉริยะ

พร้อมกันนี้ BGRIM มีความพร้อมเทคโนโลยีระบบสายส่งอัจฉริยะ (Smart Transmission System) และ IOC Platform รองรับการพัฒนาพลังงานสะอาดและการเติบโตของ Data Center เพื่อส่งต่อพลังงานไปยังลูกค้าโดยตรง (Direct PPA)

“ธุรกิจสายส่งน่าจะเป็นธุรกิจที่จะเติบโตขึ้นมาควบคู่กับ Data Center และพลังงานสะอาด บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเทคโนโลยีระบบสายส่งอัจฉริยะ และมีความพร้อมที่จะยกระดับขึ้นเป็นกลุ่มธุรกิจพัฒนาและรับเหมาก่อสร้างสายส่ง (EPC) ได้ทันทีที่มีความต้องการมากเพียงพอ”

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/2568 ของ BGRIM ที่ 533 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,562% QoQ และเพิ่มขึ้น 227% YoY หนุนจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ราว 100 ล้านบาท แต่หากตัดรายการพิเศษดังกล่าวออกไป คาดว่ากำไรปกติจะอยู่ที่ 433 ล้านบาท ลดลง 46% YoY และลดลง 9% QoQ กดดันจากส่วนแบ่งกำไรที่พลิกเป็นส่วนแบ่งผลขาดทุนตามการดำเนินงานที่อ่อนแอของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อย่างไรก็ตามคาดอัตรากำไรขั้นต้น  (Gross Profit Margin)  ของโรงไฟฟ้า SPP จะเพิ่มขึ้นจากต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง

พ้นจุดต่ำสุด

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรหลักงวดไตรมาส 3/2568 ของ BGRIM ที่ 405 ล้านบาท ลดลง 50% YoY และลดลง 15% QoQ เนื่องจากยอดขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ลดลงตามแผนปิดซ่อมบำรุงที่เพิ่มขึ้น และรายได้จากการพัฒนาโครงการในต่างประเทศที่ลดลง

ทั้งนี้ แม้รายได้รวมจะลดลง แต่อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มลูกค้า IU มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติปรับลดลงเร็วกว่าค่าไฟ โดยต้นทุนก๊าซธรรมชาติของ BGRIM ลดลง 10% YoY เทียบกับคำไฟ IU ที่ลดลง 7% YoY จึงคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 จะอยู่ที่ 375 ล้านบาก เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

“คาดว่ากำไรหลักของ BGRIM น่าจะแตะจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/2568 ก่อนจะกลับมาเติบโตได้ในไตรมาส 4/2568 หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP ที่ดีขึ้น และการเริ่มเดินเครื่องบางส่วนของโครงการ Nakwol และธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ที่เพิ่มขึ้น”

โค้งสุดท้ายโตต่อ

                พร้อมกันนี้คาดการณ์กำไรหลักงวดไตรมาส 4/2568 ที่ 357 ล้านบาก เพิ่มขึ้น 9% YoY แต่ลดลง 12% QoQ การเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) หนุนจากกำไรส่วนแบ่งจากการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์บางส่วน  (Partial COD) ของโครงการกังหันลมบอกชายฝั่ง Nakwol ในเกาหลีใต้ และราคาก๊าซเฉลี่ยที่ลดลง ซึ่งช่วยหนุนกำไรขั้นต้น (Margin ) ให้กับโรงไฟฟ้า SPP ส่วนกำไรที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2568 (QoQ) กดดันจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่อ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล

                เบื้องต้นคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568 ที่ 1,499 ล้านบาท ลดลง 8% YoY กดดันจากการกำหนดอัตราค่าไฟในประเทศ (FT) ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ก่อนจะเติบโต 144% YoY แตะ 2,416 ล้านบาท ในปี 2569 หนุนจากการดำเนินนโยบายค่าไฟที่ผ่อนคลายลง รวมถึงการทยอยรับรู้กำไรจากเงินลงทุนในโครงการ Nakwol

ดาต้าเซ็นเตอร์หนุน

                ขณะเดียวกัน การขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะเป็นกลไกขับเคลื่อนความต้องการใช้ไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้น เบื้องต้นคาดการณ์ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้า ณ สิ้นปี 2568 จะเพิ่มขึ้นราว 500 – 1,000 เมกะวัตต์ และจะเร่งตัวแตะราว 2 – 3 กิกกะวัตต์ (GW) ภายในปี 2571 ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อระบบสายส่งของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ  จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 22 บาท

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง