นายกฯ ย้ำเดินหน้าตามแผน 4 เดือน ยุบสภา - คนละครึ่ง พลัส เฟส 2 แก้ไขปัญหาหนี้สิน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้เดินหน้าเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และเป็นแบบ Quick-Big Win ประกอบบกับการแก้ไขปัญหาความมั่นคงของประเทศที่ปัจจุบันเรามีประเด็นกับประเทศเพื่อนบ้าน และทำการเร่งฟื้นฟูเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของภัยธรรมชาติ
สำหรับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความเข้าใจกลไกของรัฐ และสามารถลงมือปฏิบัตินโยบายได้จริง โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน เช่น นโยบาย “คนละครึ่ง พลัส” คิดว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์อะไร และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ประชาชนได้ใช้จ่าย และรู้สึกมีส่วนร่วมในส่วนของกลุ่มคนเปราะบาง
"รัฐบาลมีนโยบายเติมเงินให้ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้เกิดผลประโยชน์กับประชาชนทุกคน ถือเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ และสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชน ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่รัฐบาล 4 เดือนทำสำเร็จ และได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากประชาชน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยจะปรับโครงสร้างหนี้ไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญด้านการเงินสำหรับประชาชน รวมถึงนโยบายด้านพลังงาน ที่ได้ผลักดันโครงการไฟฟ้าชุมชน เดินหน้าสู่ Green economy โดยต้องทำให้ประชาชนเข้าใจบริบทพลังงานสีเขียว สร้างความคุ้นเคยกับพลังงานสะอาด ปรับตัวตามกติกาใหม่ของโลก สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อการดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันระดับโลก อีกทั้งการดำเนินดังกล่าวนี้ เป็นการวางกรอบให้รัฐบาลในอนาคตสามารถต่อยอดได้อย่างยั่งยืน
*การยุบสภาตามแผน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า การที่เข้ามาเป็นรัฐบาล ได้มีการพูดคุยกับพรรคประชาชน ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองตอนนั้น การยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยเห็นพ้องกันว่า “ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไม่น่าจะมีอำนาจยุบสภา” ฉะนั้นต้องมีวิธีที่จะดำเนินการให้มีการยุบสภา
และขณะนั้นพรรคประชาชนไม่มี candidate นายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้ที่เหลือก็มีอยู่ไม่กี่คน และมีพรรคที่เห็นพ้องต้องกันว่ายุบสภาเพื่อไปเลือกตั้งคืนอำนาจให้กับประชาชน จึงเป็นที่มาของ MOA ดังกล่าว ซึ่งผมยังยืนยันว่าการยุบสภาจะเป็นไปตามกำหนดเดิม 4 เดือน ซึ่งผมและทีมมีการเตรียมความพร้อมเสมอเกี่ยวกับเรื่องนี้
*สำหรับความพร้อมที่จะกลับมาเป็นนายกอีกหรือไม่หลังจากเลือกตั้งนั้น
นายกรัฐมนตรี ให้คำตอบว่า มีความพร้อมเสมอ เพราะมีสิ่งที่ต้องทำให้กับบ้านเมืองอีกหลายอย่าง สำหรับเรื่องเวลาคงไม่สำคัญ หากเราทำหน้าที่ได้ดีในเวลาที่มีอยู่ในเกิดประโยชน์สูงสุดแก้บ้านเมือง
*การแก้ไขสแกมเมอร์ที่ถือว่าเป็นประเด็นร้อน
ในเรื่องนี้ผมมองว่าเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า”สแกมเมอร์” ว่าเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ซึ่งไม่สามารถอยู่ในประเทศที่มีระบบที่ดี ประเทศที่พัฒนามากๆแล้ว จึงมักจะเห็นว่าสแกมเมอร์อยู่ในประเทศที่มีช่องว่างทางกฎหมาย สำหรับประเทศไทยนั้นอยู่ระหว่างกึ่งกลางในรอบๆ ประเทศที่สามารถดำเนินธุรกิจสแกมเมอร์
นอกจากนี้ประเทศไทยถือว่ามีความน่าเชื่อถือมากที่สุดในภูมิภาค มีทั้งเสถียรภาพของค่าเงินบาทที่ดี จึงมองว่าเหมือนเป็นเป้าหมายของธุรกิจสแกมเมอร์
สำหรับมาตรการปราบปราม เราจะต้องมีกฎหมายที่เคร่งครัดเข้มงวด ซึ่งทางรัฐบาลได้มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง แต่ในเรื่องของการปฎิบัติงานนั้นคงไม่สามารถชี้แจงได้ อย่างละเอียดเพราะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี
ด้านกรณีของ นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงข่าวจากกรณีถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ นั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ท่านวรภัค แค่ถูกครหา แต่ยังไม่ถูกกล่าวหา และยังไม่ได้มีหลักฐานใดๆและไม่มีหน่วยงานไหนทั้งไทยและต่างประเทศที่ดำเนินคดี แต่เมื่อมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ผมจึงก็ต้องบอกท่านไปตรงๆ ว่าตนนี่แหละเป็นคนไปบอกให้ท่านลาออก ซึ่งท่านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง 3 สิ่งที่โฟกัสที่สุดที่อยากทำให้สำเร็จ เรื่องแรก คือการยุบสภาวันที่ 31 มกราคม 2569 เรื่องที่สองคือเรื่องปากท้องของประชาชน และที่ทำสำเร็จแล้ว โครงการคนละครึ่ง พลัส ซึ่งเป็นนโยบายที่เกิดขึ้นจริงภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จริง นอกจากนี้จะผลักดันคนละครึ่ง พลัส เฟส 2 เพื่อเกิด After Shock ภายในเดือนธันวาคม 2568 ส่วนเรื่องที่สามการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และเรื่องของลดค่าโดยสารขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
