ศป.กฉ. ยืนยันยอดผู้เสียชีวิตน้ำท่วมใต้ 33 ราย ปฏิเสธข่าวลือรพ.หาดใหญ่เสียชีวิตนับร้อย

วันนี้ (26 พ.ย. 68) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย หรือ ศป.กฉ. แถลงผลการประชุม ว่า ในส่วนหลังวันนี้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีจากสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานที่ประชุม และได้มีการบูรณาการข้อมูลซึ่งมีข้อสั่งการ ดังนี้
แนวโน้มน้ำลดและข้อสั่งการอพยพ
สถานการณ์น้ำภาพรวม ปริมาณน้ำฝนที่เติมเข้ามาในระบบมีปริมาณที่ลดน้อยลง แนวโน้มของน้ำในพื้นที่ภาคใต้มีแนวโน้มที่ลดลง แต่อย่างไรก็ดี ในจังหวัดที่ถัดออกไปจากจังหวัดสงขลา เริ่มมีการแจ้งเตือนแล้ว เช่น จังหวัดสตูล, นครศรีธรรมราช มีการแจ้งเตือนอพยพตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จากรายงานพบว่า หลังจากมีการแจ้งเตือนให้มีการอพยพ ยังมีประชาชนจำนวนหนึ่งยังไม่ได้อพยพ ทาง
ศูนย์ ศป.กฉ. จึงมีความกังวลในอนาคตอาจจะเกิดความยากลำบากในการอพยพ จึงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ดำเนินการสำรวจกลุ่มเปราะบาง และเชิญชวนให้ไปอยู่ศูนย์พักพิง เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ในกรณีที่เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง ศูนย์พักพิงจะมีการกำหนดจุดให้คนในพื้นที่ทราบก่อนที่จะมีคำสั่งอพยพ และจะดำเนินการเช่นนี้ทุกครั้ง
ตัวเลขยอดผู้เสียชีวิต และ ปฏิเสธข่าวลือโรงพยาบาลหาดใหญ่
นายสิริพงศ์ ยังกล่าวยืนยันว่า ข่าวโรงพยาบาลหาดใหญ่มีจำนวนผู้เสียชีวิต 80 คน 100 คนบ้าง ไม่เป็นความจริง โดยได้รับการรายงานจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ ว่า มีจำนวนผู้เสียชีวิตจริง แต่มีเพียง 40 คน และเป็นผู้เสียชีวิตที่อยู่ในโรงพยาบาลอยู่แล้ว ซึ่ง 14 คน เป็นผู้เสียชีวิตจากการรักษาพยาบาล ไม่ใช่จากสถานการณ์น้ำท่วม ทางด้านกระทรวงสาธารณสุข
รายงานจำนวนผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ครั้งนี้ ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดนครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา, ตรัง, สตูล, ปัตตานี และยะลา มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 33 คน คือ นครศรีธรรมราช 9 ราย, พัทลุง 4 ราย, สงขลา 6 ราย, ตรัง 2 ราย, สตูล 2 ราย, ปัตตานี 5 ราย และ ยะลา 5 ราย แบ่งสาเหตุการเสียชีวิต เช่น ถูกน้ำพัด ไฟฟ้าช็อต ดินถล่ม พลัดตกน้ำ และจมน้ำ
ขอวิงวอนผ่านสื่อมวลชนถึงประชาชนผู้ประสงค์ดีทุกท่านในการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ เพราะการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ จะทำให้เกิดความหวาดหวั่น ความไม่เชื่อมั่น และทำลายขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ได้ ขอให้ใช้ความระมัดระวัง อย่างเช่นกรณี เมื่อเช้านี้ (26 พ.ย.) ที่มีข่าวว่ามีเฮลิคอปเตอร์ตก ใกล้โรงพยาบาล ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ได้มีการตรวจสอบข้อมูลแล้วไม่มีเหตุการณ์ ฮ. ตกแต่อย่างใด ขอความกรุณาในการเผยแพร่ข่าวการแชร์ข่าวต่อขอให้ใช้ความระมัดระวังด้วย
การบริหารจัดการข้อมูลและการเปิดศูนย์ธารน้ำใจ
ทางศูนย์มีการรวบรวมข้อมูลผ่านระบบ AI เป็นที่เรียบร้อยแล้วและได้ส่งข้อมูลให้กับ ปภ. ส่วนหน้า แล้วจะมีการอัพเดทให้ทาง ศป.กฉ. ส่วนหน้าเป็นรายชั่วโมง
ในขณะเดียวกันวันนี้ ศูนย์ปฏิบัติการได้รับทราบจากประชาชนจำนวนมากที่มีความต้องการให้การสนับสนุนช่วยเหลือต่อสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ จึงขอประชาสัมพันธ์ ว่าเราได้มีการเปิด “ศูนย์ธารน้ำใจช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ 2568” ณ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศดอนเมือง ที่จะอำนวยความสะดวกในทุกมิติ ท่านที่อยู่ในต่างจังหวัด อาจจะมีการบริจาคของในศูนย์จังหวัดนั้น ๆ และจังหวัดจะเป็นผู้ดำเนินการจัดสรรมายังศูนย์นี้
ส่วนผู้ที่อยู่ในกรุงเทพมหานครก็สามารถบริจาคได้ในศูนย์นี้เช่นเดียวกัน ส่วนรายละเอียดและเบอร์โทรศัพท์จะขึ้นในเพจไทยคู่ฟ้า เพื่อไม่ให้การสื่อสารคลาดเคลื่อน นอกเหนือจากข้าวของเครื่องใช้แล้ว ยังยินดีที่จะรับการสนับสนุนเป็นกำลัง และทรัพยากร เช่น เจ็ตสกี คนขับสปีดโบ๊ท รถลากจูง รถยกสูง และอุปกรณ์กู้ภัย สิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ซึ่งหากผู้ใดที่จะต้องการได้รับการสนับสนุน ทางศูนย์ จะมีเครื่องบิน C130 ส่งให้ทุกวัน วันละ 5 รอบ
การสนับสนุนอาสาสมัครและภารกิจนายกฯ
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังอำเภอหาดใหญ่ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเครื่องบินที่ท่านบินไปนอกเหนือจากข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ก็ยังมี เจ็ตสกีไปอีกประมาณ 10 ลำ เพื่อไปช่วยเหลือในสถานการณ์ดังกล่าว และในช่วงเที่ยงของวันนี้ก็ได้มีโดรนส่งอาหารจากจิตอาสาพร้อมกับทีมงานที่ได้เดินทางไปแล้ว
นอกจากนี้ วันนี้ยังได้มีการเริ่มลงทะเบียนในแอพพลิเคชัน “ทางรัฐ” สำหรับอาสาสมัคร โดยที่รัฐจะสนับสนุน ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พัก และค่าน้ำมัน ในการเติมยานพาหนะ หากท่านใดประสงค์ที่จะให้รัฐสนับสนุนในส่วนนี้ขอให้ได้เริ่มลงทะเบียนได้เลย ส่วนอาสาสมัครที่ได้ลงพื้นที่ไปก่อนหน้านี้ รัฐบาลจะลงทะเบียนย้อนหลังให้เพื่อเป็นการสนับสนุน การดำเนินการ
พร้อมกันนี้ นายสิริพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ดังกล่าว ถ้าอาศัยเพียงภาครัฐอย่างเดียว กำลังอาจจะไม่เพียงพอ และอาจจะเกิดความล่าช้า และทำให้เกิดความเสียหาย อาสาสมัครเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะช่วยเหลือให้ทันต่อสถานการณ์ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปล่อยให้ท่านเป็นอาสาสมัครแล้วให้ท่านสู้โดยลำพัง แต่รัฐบาลสู้ไปกับท่าน ไปช่วยชาวใต้ด้วยกัน นอกจากนั้นแล้วรัฐบาลยังได้มีมาตรการในการนำเสนอข่าวสารที่ครบ เป็นประโยชน์ นำส่งประชาชนให้ทราบในทุกวัน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
