น้ำเซาะทราย บ้านหรูริมทะเลออสซี่หมิ่นเหม่ ใกล้ถล่มลงมหาสมุทร
น้ำเซาะทราย บ้านหรูริมทะเลออสซี่หมิ่นเหม่ ใกล้ถล่มลงมหาสมุทร
น้ำเซาะทราย - ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า บรรดาบ้านหรูหราริมผาที่ตั้งตระหง่านตามแนวชายหาดเขตวัมเบอรัล รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย กำลังตกอยู่ในอันตราย มีโอกาสที่จะพังพินาศลงไปในมหาสมุทรได้ทุกเมื่อ
ผู้อยู่อาศัยในบ้านกว่า 40 หลัง ต้องอพยพออกจากบ้าน ที่เขตเซ็นทรัล โคสต์ ทางเหนือของนครซิดนีย์ เนื่องจากกระแสคลื่นแรงเซาะฝั่งทำให้บ้านราคาหลายล้านดอลลาร์อาจพังได้ในพริบตา
คลิปวิดีโอแสดงให้เห็นคลื่นสีขาวซัดเข้าหน้าผา จนเกือบถึงตัวบ้าน แรงคลื่นทำให้บันไดและเศษชิ้นส่วนอื่นๆ ปรักหักพังร่วงหล่นบนพื้นทราย
General view of the damage caused by erosion on the coast of Wamberal, New South Wales, Australia, July 18, 2020, . Chris Dick/via REUTERS
สวนหลังบ้านของบ้านบางหลังถูกคลื่นกลืนหายไป หรือเฉลียงและระเบียงบ้านบางหลังพังทลาย ทำให้เจ้าหน้าที่ประกาศให้บ้านเหล่านี้ตกอยู่ในอันตรายและให้เวลาเจ้าของบ้านเก็บสัมภาระและอพยพภายใน 2 ชั่วโมงในช่วงที่ระดับน้ำทะเลลดและยังไม่ชัดเจนว่าจะได้กลับเข้าบ้านอีกเมื่อไหร่
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตัดไฟฟ้า แก๊สและน้ำประปาเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอันตรายต่อทรัพย์สินได้และกั้นพื้นที่อันตรายไม่ให้ใครเข้า พร้อมทั้งประกาศเตือนให้คนในชุมชนอยู่ห่างจากเขตอันตราย
ส่วนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและสำนักงานสวัสดิการสังคมจัดหาที่พักให้กับผู้ที่ต้องย้ายออกจากบ้าน
General view of the damage caused by erosion on the coast of Wamberal, New South Wales, Australia, July 18, 2020 Chris Dick/via REUTERS
แต่ชาวบ้านที่ต้องอพยพบอกว่าสายเกินไปและตำหนิสภาท้องถิ่นว่าไม่ดำเนินการรับมืออย่างเพียงพอ ทั้งๆ ที่เคยแจ้งไปหลายปีแล้วว่า ชายหาดถูกกัดเซาะเพราะสภาวะอากาศเปลี่ยนและเรียกร้องให้สร้างกำแพงกันคลื่นซึ่งมีการเรียกร้องจริงจัง หลังจากเกิดพายุถล่มเมื่อปี 2559
แถลงการณ์ของสภาท้องถิ่นระบุว่าสภาพอากาศเลวร้ายเป็นสาเหตุให้ผู้อยู่อาศัยต้องทนทุกข์ หากต้องการให้ดำเนินการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อป้องกันบ้านภายในไม่กี่สัปดาห์นี้ สภาขอแจ้งให้ทราบว่าไม่สามารถดำเนินการตามระเบียบได้
CNN
ลิซา แมทธิวส์ นายกเทศมนตรีกล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่มากล่าวหากัน แต่เป็นเวลาที่ต้องทำงานร่วมกันเพื่อหาทางแก้ปัญหาในระยะยาว รวมทั้ง ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้
ด้านคริส โรเจอร์ส ผู้พักอาศัยในบ้านหลังหนึ่งที่ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า “ชาวบ้านปกป้องบ้านตัวเองไม่ได้ ส่วนสภาท้องถิ่นก็ไม่อยากจะทำอะไร พวกชาวบ้านไม่ศรัทธาต่อสภาท้องถิ่นเพราะสิบกว่าปีที่ผ่านมา มีแต่ทำให้เสื่อมศรัทธาลงเรื่อยๆ”
พายุรุนแรงหลายลูกพัดกระหน่ำชายหาดวัมเบอรัลและพื้นที่ในเซ็นทรัล โคสต์ หลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่ 40 กว่าปีก่อน ทำให้ชายหาดถูกกัดเซาะและเป็นอันตรายต่อบ้านและทรัพย์สินของชาวบ้าน แต่สภาท้องถิ่นก็ยังเพิกเฉยเรื่อยมา จนกระทั่งปีที่แล้ว สภาเริ่มสอบสวนเบื้องต้นและออกแบบกำแพงกั้นคลื่น
ด้านสำนักภูมิศาสตร์ของรัฐระบุว่าการกัดเซาะชายหาดกำลังเป็นปัญหาต่อชุมชนต่างทั่วออสเตรเลีย ประเมินว่าอาคารบ้านเรือนเกือบ 39,000 หลังได้รับผลกระทบจากสภาวะอากาศเปลี่ยน
ผลงานวิจัยเมื่อเดือน มี.ค. พบว่าชายหาดทั้งออสเตรเลียอย่างน้อย 11426.34 กิโลเมตร หรือประมาณ 50 เซ็นติเมตรของชายหาดกำลังเผชิญกับอันตรายภายในปี 2643
ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงทำให้ระบบสภาพอากาศรุนแรงและมีพลังรุนแรงยิ่งขึ้น ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นและเกิดพายุที่รุนแรง
General view of the damage caused by erosion on the coast of Wamberal, New South Wales, Australia, July 18, 2020, in this picture grab obtained from a social media video. Chris Dick/via REUTERS
ตามปกติแล้ว ชายหาดมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา ตลอดแนวชายหาดมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากน้ำขึ้นน้ำลงและระดับน้ำทะเล แต่การพัฒนาของมนุษย์ใกล้กับทะเลเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่รบกวนสภาพแวดล้อมของชายหาดและเป็นตัวกีดขวางการฟื้นฟูชายทะเลตามธรรมชาติ
เมื่อมองในภาพรวมของโลก มีการประเมินว่าชายหาดครึ่งหนึ่งจะหายไปภายในสิ้นศตวรรษนี้
ในระยะใกล้ ภายในปี 2593 ชายหาดหลายแห่งอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจนจำสภาพเดิมในตอนนี้ไม่ได้ เพราะชายหาดร้อยละ 14-15 กำลังเผชิญกับการถูกกัดเซาะอย่างรุนแรง
สถานที่หลายๆ แห่ง เช่น ชายหาดไมอามีของสหรัฐฯ ต้องชนทรายหลายพันตันมาถมชายหาดที่ถูกคลื่นเซาะ และอีกหลายๆ ที่ต้องสร้างกำแพงกันคลื่นซึ่งต้องใช้งบประมาณมหาศาล
ขณะที่นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและพายุที่รุนแรงอันมีสาเหตุจากโลกร้อน อาจทำให้สูญเงินเปล่าๆ ซึ่งมีอีกหลายประเทศที่ถูกคลื่นเซาะชายหาด เช่น ชิลี จีน รัสเซีย เม็กซิโกและอาร์เจนตินา
////////////
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ภาวะโลกร้อน : มหาสมุทรร้อนจนระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้น30ซ.ม. ก่อนสิ้นศตวรรษนี้