รีเซต

คู่มือเลือกผ้าเบรคและจานเบรคให้เหมาะกับสไตล์การขับขี่

คู่มือเลือกผ้าเบรคและจานเบรคให้เหมาะกับสไตล์การขับขี่
EntertainmentReport1
24 กันยายน 2568 ( 08:08 )
3

เคยไหมครับที่ต้องเบรกรถแบบกะทันหัน แล้วรู้สึกว่าเบรคมันจม มันไม่จับ หรือมีเสียงดังเอี๊ยดๆ จนใจหาย! บอกเลยว่าเรื่องเบรคไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ เพราะมันคืออุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในรถยนต์ของเราที่ช่วยชีวิตเราไว้ได้ในหลายสถานการณ์ การเลือกเบรคให้เหมาะสมกับรถและสไตล์การขับขี่ของเราจึงไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัย แต่ยังรวมถึงเรื่องความมั่นใจในการขับขี่ด้วยครับ!

วันนี้เราจะมาเป็นกูรูเบรคให้เพื่อนๆ กันครับ เราจะมาดูกันว่าเบรครถยนต์มีกี่ประเภท แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียยังไง และที่สำคัญที่สุดคือจะเลือกเบรคแบบไหนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราที่สุด!

 

 

ภาพโดย Hans จาก Pixabay

รู้จักกันหน่อย! เบรครถยนต์มีกี่ประเภท?

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับตัวละครหลักในระบบเบรคกันก่อนครับ ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างขาดไม่ได้

  1. ผ้าเบรค (Brake Pads): ผ้าเบรคคือ "ตัวเอก" ที่ทำหน้าที่สร้างแรงเสียดทานเพื่อชะลอความเร็วรถ เป็นชิ้นส่วนที่ต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุด และเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพในการเบรคและฟีลลิ่งที่เราสัมผัสได้
  2. จานเบรค (Brake Rotors): จานเบรคคือ "พระรองผู้รับบทหนัก" ที่หมุนไปพร้อมกับล้อ เมื่อผ้าเบรคบีบลงไปบนจานเบรคก็จะเกิดแรงเสียดทาน ทำให้รถช้าลงและหยุดในที่สุด

การเลือกผ้าเบรคและจานเบรคที่เหมาะสมจะช่วยให้รถของคุณหยุดได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุดครับ

 

 

Photo Credit : AI Generated

 

ผ้าเบรค: ตัวเอกแห่งการหยุดรถ

ผ้าเบรคมีหลากหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้กันหลักๆ ในปัจจุบันมีดังนี้ครับ

  • 1. ผ้าเบรคแบบ Semi-Metallic (กึ่งโลหะ):
    • นิสัย: เป็นผ้าเบรคมาตรฐานที่มาพร้อมกับรถยนต์ส่วนใหญ่ มีส่วนผสมของโลหะผสมและเส้นใยต่างๆ
    • ข้อดี: ให้ประสิทธิภาพในการเบรคที่ดีในทุกสภาพอากาศ, ทนความร้อนได้ดีในระดับหนึ่ง และราคาไม่แพง
    • ข้อเสีย: อาจมีเสียงดัง "ครืดๆ" หรือ "เอี๊ยดๆ" ได้บ้างเมื่อใช้งานหนัก และมีฝุ่นเบรคเยอะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผ้าเบรคประเภทนี้
  • 2. ผ้าเบรคแบบ Ceramic (เซรามิก):
    • นิสัย: เป็นผ้าเบรคแบบไฮเทคที่กำลังมาแรง ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและเงียบกริบ
    • ข้อดี: เงียบสุดๆ, แทบไม่มีฝุ่นเบรคเลย, ทนความร้อนได้ดี และใช้งานได้ยาวนานกว่า
    • ข้อเสีย: ราคาแพงกว่าผ้าเบรคแบบกึ่งโลหะ และอาจไม่เหมาะกับการขับขี่ที่ต้องการเบรคหนักๆ ต่อเนื่องเหมือนในสนามแข่ง
  • 3. ผ้าเบรคสำหรับรถแข่ง (Sintered/Full Metallic):
    • นิสัย: เป็นผ้าเบรคสายโหดที่ออกแบบมาสำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ
    • ข้อดี: ประสิทธิภาพในการเบรคสูงมากในอุณหภูมิที่สูงจัด
    • ข้อเสีย: ดังสนั่นลั่นทุ่ง, กินจานเบรคไวมาก, และแทบไม่มีประสิทธิภาพเลยเมื่อใช้งานที่อุณหภูมิต่ำ ซึ่งไม่เหมาะกับการขับขี่ทั่วไปบนถนนสาธารณะอย่างยิ่ง!

 

 

ภาพโดย NoName_13 จาก Pixabay

จานเบรค: พระรองผู้รับบทหนัก

จานเบรคมีผลต่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนและความรู้สึกในการเบรค มี 3 แบบหลักๆ ให้เลือกครับ

  • 1. จานเบรคแบบเรียบ (Plain Rotor):
    • นิสัย: เป็นจานเบรคมาตรฐานที่พบได้ในรถยนต์ทั่วไป
    • ข้อดี: ราคาถูก, ทนทาน, ใช้งานได้ยาวนาน
    • ข้อเสีย: การระบายความร้อนทำได้ไม่ดีเท่าจานแบบอื่นๆ ทำให้มีโอกาสเกิดอาการเบรค "เฟด" (เบรคไม่อยู่) ได้เมื่อใช้งานหนักๆ
  • 2. จานเบรคแบบเจาะรู (Drilled Rotor):
    • นิสัย: จานเบรคที่มีรูพรุนเล็กๆ ทั่วทั้งผิวหน้า
    • ข้อดี: ระบายความร้อนได้ดีเยี่ยม, ดูสวยงามสปอร์ต และช่วยไล่ก๊าซที่เกิดจากการเสียดสี
    • ข้อเสีย: อาจเกิดรอยร้าวเล็กๆ ได้หากมีการใช้งานที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
  • 3. จานเบรคแบบเซาะร่อง (Slotted Rotor):
    • นิสัย: จานเบรคที่มีร่องเล็กๆ เซาะลงไปบนผิวหน้า
    • ข้อดี: ช่วยขจัดฝุ่นและก๊าซจากการเบรค ทำให้หน้าผ้าเบรคสัมผัสกับจานได้เต็มที่ ให้ความรู้สึก "จับ" ได้ดีเยี่ยม และระบายความร้อนได้ดี
    • ข้อเสีย: อาจมีเสียงดังเล็กน้อยในขณะเบรค

 

 

ภาพโดย Peter H จาก Pixabay

คำแนะนำ! เลือกเบรคให้เหมาะกับสไตล์การขับขี่

มาถึงช่วงสำคัญที่สุดแล้วครับ มาดูกันว่าคุณเป็นนักขับประเภทไหน และควรเลือกเบรคแบบไหนดี

  1. ถ้าคุณคือ "นักขับในเมือง" (ขับช้า/หยุดบ่อย):
    • ผ้าเบรค: ผ้าเบรค Ceramic คือคำตอบสุดท้าย! เพราะเงียบกริบ ไม่สร้างความรำคาญจากเสียงเอี๊ยดอ๊าด และแทบไม่มีฝุ่นกวนใจ
    • จานเบรค: จานเบรคแบบเรียบ ก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้วครับ
  2. ถ้าคุณคือ "นักขับทางไกล" (ขับเร็ว/เดินทางต่อเนื่อง):
    • ผ้าเบรค: ผ้าเบรคแบบ Semi-Metallic คือตัวเลือกที่เหมาะที่สุด เพราะทนความร้อนได้ดีกว่า และให้ความรู้สึกมั่นใจในการเบรคที่ความเร็วสูง
    • จานเบรค: จานเบรคแบบเซาะร่อง (Slotted) คือการอัปเกรดที่คุ้มค่า จะช่วยให้เบรคจับได้ดียิ่งขึ้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  3. ถ้าคุณคือ "นักขับสายซิ่ง" (ชอบขับเร็ว/ขับในสนามแข่ง):
    • ผ้าเบรค: ผ้าเบรคแบบ Semi-Metallic เกรด High Performance สำหรับการขับบนถนน ส่วนผ้าเบรคแบบ Sintered/Full Metallic นั้นให้ใช้เฉพาะในสนามแข่งเท่านั้นครับ!
    • จานเบรค: แนะนำ จานเบรคแบบเจาะรูและเซาะร่อง (Drilled & Slotted) ที่ออกแบบมาเพื่อระบายความร้อนโดยเฉพาะ จะช่วยให้เบรคของคุณไม่เฟดง่ายๆ

สรุปแล้ว การเลือกเบรคที่ดีที่สุดไม่ใช่เบรคที่แพงที่สุดเสมอไป แต่คือเบรคที่ "เหมาะกับสไตล์การขับขี่" ของคุณมากที่สุดครับ! อย่าลืมว่าเบรคคือเรื่องของความปลอดภัย ไม่ใช่เรื่องของความสวยงามเพียงอย่างเดียว การลงทุนกับเบรคที่ดีคือการลงทุนในชีวิตของคุณเองครับ!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง