ขโมยรองเท้าหน้าโบสถ์: สัญญาณเตือน 'กับดักยากจน' สังคมสูงวัยไทย
เหตุการณ์ลุงวัย 69 ปี ก่อเหตุขโมยรองเท้าหน้าโบสถ์วัดสุทัศน์ฯ ไม่ใช่เพียงข่าวอาชญากรรมทั่วไป แต่เป็นสัญญาณเตือนภัยถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซุกซ่อนอยู่ในสังคมสูงวัยของประเทศไทย จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2564 ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 13,358,751 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 19.6 ของประชากรทั้งหมด และจากรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2566 ของกรมกิจการผู้สูงอายุ ระบุว่าในปี พ.ศ. 2564 มีผู้สูงอายุที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน 760,400 คน คิดเป็นร้อยละ 5.7 ของผู้สูงอายุทั้งหมด
กรณีศึกษาของลุงวัย 69 ปีรายนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากที่ผู้สูงอายุจำนวนมากต้องเผชิญ ปัญหาความยากจนในวัยชราเป็นอุปสรรคสำคัญ เมื่อรายได้จากเงินบำนาญหรือเงินออมไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จากการสำรวจของกรมกิจการผู้สูงอายุ พบว่าผู้สูงอายุร้อยละ 40 มีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย และร้อยละ 32 ไม่มีเงินออมเลย
นอกจากนี้ ช่องโหว่ของระบบสวัสดิการสังคม ทั้งความไม่เพียงพอของเงินบำนาญและการเข้าไม่ถึงสวัสดิการ ยิ่งซ้ำเติมปัญหา ปัจจุบันเงินบำนาญที่รัฐจ่ายให้ผู้สูงอายุอยู่ที่ 600-1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพขั้นพื้นฐาน ความเหลื่อมล้ำทางรายได้และโอกาสในสังคมไทย ทำให้ผู้สูงอายุที่ยากจนและด้อยโอกาสมีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม
ค่านิยมและทัศนคติต่อผู้สูงอายุในสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงไปก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง การถูกมองข้ามและถูกตีตราว่าเป็นภาระ ทำให้ผู้สูงอายุบางส่วนรู้สึกหมดคุณค่า การขาดการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวและชุมชน ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยว การให้ผู้สูงอายุได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมและบทบาทในสังคม จะช่วยสร้างคุณค่าและความหมายในชีวิตของพวกเขา
การแก้ปัญหาต้องเริ่มจากการปรับปรุงระบบสวัสดิการสังคม ทั้งการเพิ่มเงินบำนาญและการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงสิทธิต่างๆ การสร้างโอกาสการทำงานที่เหมาะสมกับวัยและความสามารถ รวมถึงการสร้างเครือข่ายชุมชนเพื่อสนับสนุนและดูแลผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ เทคโนโลยีก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้สูงอายุ แอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้สูงอายุเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น หรือเทคโนโลยีที่ช่วยติดตามสุขภาพและแจ้งเตือนเมื่อมีความผิดปกติ สามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุได้มาก
อีกประเด็นสำคัญคือ การเตรียมความพร้อมสำหรับวัยเกษียณตั้งแต่วัยหนุ่มสาว การให้ความรู้ทางการเงินและส่งเสริมการออม จะช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาการเงินในวัยชรา ทุกคนควรตระหนักว่าการมีชีวิตหลังเกษียณที่มั่นคง ต้องเริ่มวางแผนและเตรียมพร้อมตั้งแต่วันนี้
การแก้ปัญหาอาชญากรรมในสังคมสูงวัย ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างสังคมที่ผู้สูงอายุทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีศักดิ์ศรี และมีความสุข เป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะต้องให้ความสำคัญ และร่วมกันกำหนดทิศทางที่ยั่งยืน เพื่ออนาคตของสังคมสูงวัยไทย เราต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และต้องพร้อมดูแลกันและกันในทุกช่วงวัยของชีวิต นี่คือภารกิจสำคัญที่เราทุกคนต้องช่วยกันขับเคลื่อนตั้งแต่วันนี้
ภาพ : Gettyimages เรียบเรียง : ยศไกร รัตนบรรเทิง บรรณาธิการ TNN