ธุรกิจ "ทีวี" เปลี่ยนไป สตรีมมิงแซงหน้า YouTube Netflix ครองแชมป์

ถึงเวลาบอกลายุคทองของสื่อทีวีหรือไม่ ?
เมื่อยอดดูทีวีแบบเดิมๆหดหายลงไปเรื่อยๆ
โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่ยึดคอนเทนต์ผ่านระบบออกอากาศทางโทรทัศน์
แต่หันไปดูผ่านแอปพลิเคชั่น ผ่านระบบสตรีมมิงกันมากกว่า
เรื่องนี้ชัดเจน มากขึ้นเรื่อยๆในสหรัฐอเมริกา
อ้างอิงจากข้อมูลในรายงานฉบับใหม่ของ นีลเส็น (Nielsen) ซึ่งเป็นบริษัทวัดผลผู้ชมสื่อสัญชาติอเมริกัน
ซึ่งรายงานเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา
พบว่า "การสตรีมมิ่ง" มียอดคนดูแซงหน้าการดูทีวีผ่านระบบออกอากาศ และเคเบิลรวมกันเป็นครั้งแรก
ในประวัติศาสตร์อเมริกา
นีลเส็นระบุว่าเดือนพฤษภาคมของปีนี้
มีการสตรีมมิ่งคิดเป็น 44.8% จากการรับชมของทีวีทั้งหมด
เป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
และเป็นตัวเลขที่มากกว่า
การดูทีวีผ่านระบบออกอากาศและเคเบิลทีวีรวมกัน
เป็นผลจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสตรีมมิ่งในอเมริกา
ความเห็นเรื่องนี้จากทาง ไบรอัน ฟูเรอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์
ของนีลเส็น ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้สตรีมมิ่งเติบโตได้ดี
เรื่องนี้ ฟูเรอร์ มองว่ามาจากสามปัจจัยหลัก ได้แก่
1. บริการทีวีสตรีมมิ่งฟรีที่มีโฆษณาแฝง หรือที่รู้จักกันในชื่อ Free Ad-supported Streaming TV (FAST)
2. การเติบโตของ YouTube
3. บริษัทสื่อดั้งเดิมเปลี่ยนรูปแบบหันไปเจาะการรับชมผ่านสตรีมมิ่ง
ข้อมูลของนีลเส็น ระบุว่า สี่ปีที่แล้ว หรือในเดือน พฤษภาคมของ ปี 2021
มีเพียงแค่ 5 แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเท่านั้นที่มีสัดส่วนการรับชมผ่านทีวีเกิน 1%
แต่ในปัจจุบันมีถึง 11 แพลตฟอร์มที่มีสัดส่วนเกินเกณฑ์ดังกล่าว
ในอเมริกากลุ่มแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีโฆษณาแฝง
เช่น Pluto TV, Roku Channel และ Tubi เองก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพราะดูฟรีทำให้คนสนใจ
โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ช่องทั้งสามช่อง
มีสัดส่วนการรับชมผ่านทีวีรวมกันแล้ว
มากกว่าช่องทีวีระบบออกอากาศธรรมดาบางช่องด้วยซ้ำไป
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่มาแรงที่สุดก็คือ YouTube
คนไทยเราเองก็รู้จักกันดี และได้รับความนิยมสูงสุด ในอเมริกาเองก็เช่นกัน
แม้จะมีระบบจ่ายเงิน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ ยอมดูโฆษณาเอาก็ได้
YouTube เป็นผู้นำด้านการสตรีมมิ่งในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาในสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลจากนีลเส็นพบว่า YouTube มีอัตราการรับชมเพิ่มขึ้นถึง 120%
ภายในสี่ปี นับจากเดือน พฤษภาคม ปี 2021
โดยปัจจุบัน YouTube มีสัดส่วนการรับชมอยู่ที่ 12.5%
ซึ่งเป็นสัดส่วนมากที่สุดของผู้ให้บริการสตรีมมิ่งทั้งหมด
มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
แถมยังโตแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันอีกด้วย
สะท้อนจากรายได้ของ YouTube ไตรมาสแรกที่ผ่านมาในปีนี้
อัลฟาเบท ( Alphabet) บริษัทแม่ของกูเกิล ( Google) และยูทูบ (YouTube) รายงาน
รายได้ผลประกอบการของบริษัท
ระบุว่ารายได้จากการโฆษณาบน YouTube อยู่ที่ 8,930 ล้านดอลลาร์
แม้จะต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน ทาง YouTube ก็มีการโปรโมทและออกแพคเกจใหม่ๆ
ที่เชิญชวนหรือดึงคนให้มาสมัครสมาชิกแบบเสียเงินให้มากขึ้น
นอกจากดูฟรีแบบมีโฆษณาขั้น
โดยล่าสุดปีทีผ่านมา YouTube Music และ Premium มีการใช้งานทั่วโลก 125 ล้านราย
และแพ็กเกจใหม่ Premium Lite ใช้งานไม่มีโฆษณาในราคาถูกกว่าเดิม
เริ่มกลับมาใช้งานได้แล้วในบางประเทศ และรวมถึงสหรัฐฯ ด้วย
ที่่น่าสนใจ คือ เนื้อหา หรือคอนเท้นต์แนวพอดแคสต์ กำลังเติบโตได้ดีในกลุ่มคนดู YouTube
มีรายงานว่าผู้ใช้งานฟังพอดแคสต์แบบแอคทีฟรายเดือนของ YouTube มากถึง 1 พันล้านราย
ขณะที่เนื้อหาวิดิโอก็ยังคงเป็นหลักที่แข็งแกร่ง
ในทุกๆวัน จะมีการอัปโหลดวิดีโอลงใน YouTube มากกว่า 20 ล้านคลิป
อย่างไรก็ตามสื่อดั้งเดิมรับรู้ถึงการมาและการเติบโตของ YouTube
เมื่อต้านไม่ได้ จงเข้าร่วม ดังนั้นจากคู่แข่งรายสำคัญ กลายเป็นการร่วมมือ
เช่น การปล่อยเนื้อหาพิเศษของดิสนีย์ บน YouTube
เพื่อไปเสริมเนื้อหาฉบับเต็มๆ แบบยาวๆ บน Disney+
ซึ่งโฆษกจากดิสนีย์เผยว่า การรร่วมมือระหว่างสองแพลตฟอร์ม
จะไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมที่ลึกขึ้นกับตัวละครต่างๆ ของแบรนด์
ขณะที่สื่อดั้งเดิม ก็ปรับตัวเอง ให้บริการคู่ขนานทั้งแบบเดิมและสตรีมมิ่งไปพร้อมๆกัน
โดยไม่คิดว่าเป็นคู่แข่งอีกต่อไป
เช่น การแข่งขัน Super Bowl ครั้งที่ 59 ที่ผ่านมา
ได้ถูกถ่ายทอดสดทั้งทางช่องทีวี Fox และไลฟ์สตรีมมิ่งใน Tubi
รวมไปโอลิมปิก 2024 คนดูก็สามารถดูได้ทั้งจากทีวี ผ่าน NBC
และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Peacock
ขณะที่สื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่ต่างๆก็เร่งปรับโครงสร้าง
เช่น Warner Bros. Discovery ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา
เปิดเผยว่าจะมีการแยกบริษัทออกเป็นสองส่วน ได้แก่ บริษัทสตรีมมิ่งและสตูดิโอ
Netflix เสียเงินแต่ก็ยอม ความนิยมพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
กลุ่มดูฟรี YouTube มาแรง
ส่วนกลุ่มเสียเงินนั่นก็คือ Netfix ที่ขึ้นแท่นอันดับ 1
ในสหรัฐอเมริกาตอนนี้ "เน็ตฟลิกซ์" (Netflix) ได้กลายเป็นผู้ชนะที่ชัดเจน
ในกลุ่มบริการสมัครสมาชิกแบบเสียเงิน จากข้อมูลของนีลเส็นเปิดเผยว่า
คนดูเน็ตฟลิกซ์มากถึง 27% ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา
และขึ้นแท่นกลายเป็นผู้ให้บริการที่ต้องมีการสมัครสมาชิกหรือเสียเงิน
ที่มีการใช้งานบนทีวีรวมสูงสุดในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ซึ่งนีลเส็น ระบุว่า แม้การขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งแบบนี้อาจจะไม่ได้เกิดซ้ำทุกๆเดือน
โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่คนอเมริกันจะจับจ้องกับฤดูกาลฟุตบอล
แต่ก็คาดการณ์ว่าในท้ายที่สุดแล้ว อีกไม่นานเกินรอ
เราจะได้เห็นว่าการดูผ่านสตรีมมิ่งจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 แทนที่สื่อเดิม
ได้อย่างถาวรได้อย่างแน่นอน
ข้อมูลเหล่านี้ถือว่าสอดคล้องกับการเติบโตของเน็ตฟลิกซ์
ทั้งในแง่ของรายได้และกำไร ที่ปัจจุบันถือว่าพุ่งทะยานและสดใส
ล่าสุดไตรมาสแรกของปีนี้
บริษัทได้เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้มากกว่าคาดการณ์
ได้แรงหนุนจากยอดสมัครสมาชิก
และรายได้จากการโฆษณาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
ทั้งนี้ กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 อยู่ที่ 6.61 ดอลลาร์
สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 5.71 ดอลลาร์
ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 13% แตะที่ระดับ 1.054 หมื่นล้านดอลลาร์
มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 1.052 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ เน็ตฟลิกซ์คาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปีไว้ที่
43.5 ถึง 44.5 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี ประมาณช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
เน็ตฟลิกซ์เองก็เพิ่งมีการประกาศปรับขึ้นราคาแพ็กเกจทั้งหมด
นำร่องในสหรัฐฯ แคนาดา โปรตุเกส และอาร์เจนตินา
โดยอ้างว่าเพื่อนำเงินไปลงทุนในด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
