รีเซต

ธุรกิจ "ทีวี" เปลี่ยนไป สตรีมมิงแซงหน้า YouTube Netflix ครองแชมป์

ธุรกิจ "ทีวี" เปลี่ยนไป  สตรีมมิงแซงหน้า  YouTube Netflix ครองแชมป์
TNN ช่อง16
4 กรกฎาคม 2568 ( 08:05 )
24

ถึงเวลาบอกลายุคทองของสื่อทีวีหรือไม่ ?

เมื่อยอดดูทีวีแบบเดิมๆหดหายลงไปเรื่อยๆ 

โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่ยึดคอนเทนต์ผ่านระบบออกอากาศทางโทรทัศน์

แต่หันไปดูผ่านแอปพลิเคชั่น ผ่านระบบสตรีมมิงกันมากกว่า


เรื่องนี้ชัดเจน มากขึ้นเรื่อยๆในสหรัฐอเมริกา 

อ้างอิงจากข้อมูลในรายงานฉบับใหม่ของ นีลเส็น (Nielsen) ซึ่งเป็นบริษัทวัดผลผู้ชมสื่อสัญชาติอเมริกัน

ซึ่งรายงานเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา

พบว่า "การสตรีมมิ่ง" มียอดคนดูแซงหน้าการดูทีวีผ่านระบบออกอากาศ และเคเบิลรวมกันเป็นครั้งแรก

ในประวัติศาสตร์อเมริกา 


นีลเส็นระบุว่าเดือนพฤษภาคมของปีนี้ 

มีการสตรีมมิ่งคิดเป็น 44.8% จากการรับชมของทีวีทั้งหมด

เป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา 

และเป็นตัวเลขที่มากกว่า

การดูทีวีผ่านระบบออกอากาศและเคเบิลทีวีรวมกัน  


เป็นผลจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสตรีมมิ่งในอเมริกา


ความเห็นเรื่องนี้จากทาง ไบรอัน ฟูเรอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์

ของนีลเส็น ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้สตรีมมิ่งเติบโตได้ดี

เรื่องนี้ ฟูเรอร์ มองว่ามาจากสามปัจจัยหลัก ได้แก่ 

1. บริการทีวีสตรีมมิ่งฟรีที่มีโฆษณาแฝง หรือที่รู้จักกันในชื่อ Free Ad-supported Streaming TV (FAST)

2. การเติบโตของ YouTube 

3. บริษัทสื่อดั้งเดิมเปลี่ยนรูปแบบหันไปเจาะการรับชมผ่านสตรีมมิ่ง 


ข้อมูลของนีลเส็น ระบุว่า สี่ปีที่แล้ว หรือในเดือน พฤษภาคมของ ปี 2021 

มีเพียงแค่ 5 แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเท่านั้นที่มีสัดส่วนการรับชมผ่านทีวีเกิน 1% 

แต่ในปัจจุบันมีถึง 11 แพลตฟอร์มที่มีสัดส่วนเกินเกณฑ์ดังกล่าว


ในอเมริกากลุ่มแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีโฆษณาแฝง 

เช่น  Pluto TV, Roku Channel และ Tubi เองก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

เพราะดูฟรีทำให้คนสนใจ 

โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ช่องทั้งสามช่อง

มีสัดส่วนการรับชมผ่านทีวีรวมกันแล้ว

มากกว่าช่องทีวีระบบออกอากาศธรรมดาบางช่องด้วยซ้ำไป 


นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่มาแรงที่สุดก็คือ YouTube 

คนไทยเราเองก็รู้จักกันดี และได้รับความนิยมสูงสุด ในอเมริกาเองก็เช่นกัน

แม้จะมีระบบจ่ายเงิน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ ยอมดูโฆษณาเอาก็ได้ 

YouTube เป็นผู้นำด้านการสตรีมมิ่งในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาในสหรัฐอเมริกา

ข้อมูลจากนีลเส็นพบว่า  YouTube  มีอัตราการรับชมเพิ่มขึ้นถึง 120% 

ภายในสี่ปี นับจากเดือน พฤษภาคม ปี 2021

โดยปัจจุบัน YouTube มีสัดส่วนการรับชมอยู่ที่ 12.5% 

ซึ่งเป็นสัดส่วนมากที่สุดของผู้ให้บริการสตรีมมิ่งทั้งหมด 

มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา 

แถมยังโตแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันอีกด้วย


สะท้อนจากรายได้ของ YouTube ไตรมาสแรกที่ผ่านมาในปีนี้

อัลฟาเบท ( Alphabet) บริษัทแม่ของกูเกิล ( Google) และยูทูบ (YouTube) รายงาน

รายได้ผลประกอบการของบริษัท

ระบุว่ารายได้จากการโฆษณาบน YouTube อยู่ที่ 8,930 ล้านดอลลาร์ 

แม้จะต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

ขณะเดียวกัน ทาง YouTube ก็มีการโปรโมทและออกแพคเกจใหม่ๆ 

ที่เชิญชวนหรือดึงคนให้มาสมัครสมาชิกแบบเสียเงินให้มากขึ้น 

นอกจากดูฟรีแบบมีโฆษณาขั้น  


โดยล่าสุดปีทีผ่านมา YouTube Music และ Premium มีการใช้งานทั่วโลก 125 ล้านราย 

และแพ็กเกจใหม่ Premium Lite ใช้งานไม่มีโฆษณาในราคาถูกกว่าเดิม

เริ่มกลับมาใช้งานได้แล้วในบางประเทศ และรวมถึงสหรัฐฯ ด้วย 

ที่่น่าสนใจ คือ เนื้อหา หรือคอนเท้นต์แนวพอดแคสต์ กำลังเติบโตได้ดีในกลุ่มคนดู YouTube 

มีรายงานว่าผู้ใช้งานฟังพอดแคสต์แบบแอคทีฟรายเดือนของ YouTube มากถึง 1 พันล้านราย  

ขณะที่เนื้อหาวิดิโอก็ยังคงเป็นหลักที่แข็งแกร่ง

ในทุกๆวัน จะมีการอัปโหลดวิดีโอลงใน YouTube มากกว่า 20 ล้านคลิป


อย่างไรก็ตามสื่อดั้งเดิมรับรู้ถึงการมาและการเติบโตของ YouTube 

เมื่อต้านไม่ได้ จงเข้าร่วม ดังนั้นจากคู่แข่งรายสำคัญ กลายเป็นการร่วมมือ 

เช่น การปล่อยเนื้อหาพิเศษของดิสนีย์ บน YouTube 

เพื่อไปเสริมเนื้อหาฉบับเต็มๆ แบบยาวๆ บน Disney+ 

ซึ่งโฆษกจากดิสนีย์เผยว่า การรร่วมมือระหว่างสองแพลตฟอร์ม

จะไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมที่ลึกขึ้นกับตัวละครต่างๆ ของแบรนด์ 


ขณะที่สื่อดั้งเดิม ก็ปรับตัวเอง ให้บริการคู่ขนานทั้งแบบเดิมและสตรีมมิ่งไปพร้อมๆกัน

โดยไม่คิดว่าเป็นคู่แข่งอีกต่อไป 

เช่น  การแข่งขัน Super Bowl ครั้งที่ 59 ที่ผ่านมา

ได้ถูกถ่ายทอดสดทั้งทางช่องทีวี Fox และไลฟ์สตรีมมิ่งใน Tubi 

รวมไปโอลิมปิก 2024 คนดูก็สามารถดูได้ทั้งจากทีวี ผ่าน NBC 

และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Peacock


ขณะที่สื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่ต่างๆก็เร่งปรับโครงสร้าง

เช่น Warner Bros. Discovery ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 9  มิถุนายนที่ผ่านมา  

เปิดเผยว่าจะมีการแยกบริษัทออกเป็นสองส่วน ได้แก่ บริษัทสตรีมมิ่งและสตูดิโอ 



Netflix เสียเงินแต่ก็ยอม ความนิยมพุ่งขึ้นต่อเนื่อง  


กลุ่มดูฟรี YouTube มาแรง

ส่วนกลุ่มเสียเงินนั่นก็คือ Netfix ที่ขึ้นแท่นอันดับ 1 


ในสหรัฐอเมริกาตอนนี้ "เน็ตฟลิกซ์" (Netflix)  ได้กลายเป็นผู้ชนะที่ชัดเจน

ในกลุ่มบริการสมัครสมาชิกแบบเสียเงิน จากข้อมูลของนีลเส็นเปิดเผยว่า 

คนดูเน็ตฟลิกซ์มากถึง 27% ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา 

และขึ้นแท่นกลายเป็นผู้ให้บริการที่ต้องมีการสมัครสมาชิกหรือเสียเงิน

ที่มีการใช้งานบนทีวีรวมสูงสุดในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ซึ่งนีลเส็น ระบุว่า แม้การขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งแบบนี้อาจจะไม่ได้เกิดซ้ำทุกๆเดือน

โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่คนอเมริกันจะจับจ้องกับฤดูกาลฟุตบอล

แต่ก็คาดการณ์ว่าในท้ายที่สุดแล้ว  อีกไม่นานเกินรอ

เราจะได้เห็นว่าการดูผ่านสตรีมมิ่งจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 แทนที่สื่อเดิม

ได้อย่างถาวรได้อย่างแน่นอน 


ข้อมูลเหล่านี้ถือว่าสอดคล้องกับการเติบโตของเน็ตฟลิกซ์

ทั้งในแง่ของรายได้และกำไร ที่ปัจจุบันถือว่าพุ่งทะยานและสดใส

ล่าสุดไตรมาสแรกของปีนี้ 

บริษัทได้เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้มากกว่าคาดการณ์

ได้แรงหนุนจากยอดสมัครสมาชิก

และรายได้จากการโฆษณาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด

ทั้งนี้ กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 อยู่ที่ 6.61 ดอลลาร์ 

สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 5.71 ดอลลาร์ 

ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 13% แตะที่ระดับ 1.054 หมื่นล้านดอลลาร์ 

มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 1.052 หมื่นล้านดอลลาร์


นอกจากนี้ เน็ตฟลิกซ์คาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปีไว้ที่

 43.5 ถึง 44.5 พันล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี ประมาณช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา

เน็ตฟลิกซ์เองก็เพิ่งมีการประกาศปรับขึ้นราคาแพ็กเกจทั้งหมด

นำร่องในสหรัฐฯ แคนาดา โปรตุเกส และอาร์เจนตินา 

โดยอ้างว่าเพื่อนำเงินไปลงทุนในด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม  

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง