รีเซต

อุตสาหกรรมยานยนต์ ตั้งเป้า 5 ปีฟื้น ผลิตรถยนต์ 2 ล้านคัน

อุตสาหกรรมยานยนต์ ตั้งเป้า 5 ปีฟื้น ผลิตรถยนต์ 2 ล้านคัน
TNN ช่อง16
21 มกราคม 2564 ( 10:14 )
421

กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยเป้าหมายการผลิตรถยนต์นปี 2564 ประมาณ 1.5 ล้านคัน คิดเป็นอัตราการเติมโตเมื่อเทียบกับปี 2563 คือ 5.12% โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 7.5 แสนคัน และส่งออกต่างประเทศ 7.5 แสนคัน หรืออย่างละครึ่ง อย่างที่เกริ่นไปตอนแรก ติดลบเกือบ 30% ปีนี้ตั้งเป้าบวกแค่ 5.12% หลายคนตั้งคำถาม ว่าแล้วเมื่อไหร่ ไทยจะกลับไปผลิตรถยนต์มากกว่า 2 ล้านคันอีกครั้ง 

ติดตามได้ในรายการ เศรษฐกิจ Insight : ตอน อุตสาหกรรมยานยนต์ ตั้งเป้า 5 ปีฟื้น ผลิตรถยนต์ 2 ล้านคันได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=61nsXoAQ7uc 


นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษก กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท. ประเมินว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะกลับมาผลิตรถยนต์ได้ 2 ล้านคันอีกครั้ง ภายในปี 2568 หรือ ภายใน 5 ปี เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี ทำให้ความต้องการรถยนต์ในช่วง 3 เดือน (ต.ค.-ธ.ค. 63) ที่ผ่านมา ฟื้นตัวได้ดีขึ้นกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ ทั้งนี้ยังต้องติดตาม 2 ประเด็นสำคัญ คือ การแพร่ระบาดโควิด-19 ต้องจบภายในปี 2564 เพื่อไม่ให้กระทบภาวะเศรษฐกิจจริงรุนแรงไปมากกว่านี้ 

และปัญหาการผลิตชิปที่ใช้ในรถยนต์ ซึ่งเป็นเพราะการผลิตรถยนต์ที่ลดลงอย่างมาก ทำให้บริษัทผลิตชิปหันไปพัฒนาชิปเพื่อคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟนมากขึ้น เมื่อคำสั่งซื้อชิปรถยนต์กลับมาเร็ว กำลังการผลิตจึงไม่เพียงพอ จนทำให้ค่ายรถยนต์ใหญ่ทั่วโลกต้องเผชิญปัญหา และปิดไลน์การผลิตชั่วคราวไปแล้ว ยังต้องติดตามว่าพัฒนาการของปัญหานี้จะยืดเยื้อไปถึงไหน และค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลกจะแก้ปัญหาอย่างไร

อีกปัจจัยที่ท้าทายอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างมาก โดยเฉพาะค่ายใหญ่ ๆ ที่อยู่ในบ้านเรามานาน ทั้งโตโยต้า ฮอนด้า คือเทรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV แม้ปัจจุบันจะมีรถยนต์ EV จะทะเบียน วิ่งอยู่ในท้องถนนไม่มาก แต่รัฐบาลสั่งเดินหน้ารถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว และค่ายรถยนต์น้องใหม่ รุกตลาดอย่างหนัก  MG มีฐานผลิต EV ในไทย จำหน่าย EV ต่ำล้านแล้ว ทำให้การเติบโตก้าวกระโดด และ Great Wall Motors ซึ่งขอส่งเสริมการลงทุนในไทยแล้ว และคาดว่า เตรียมผลิตรถยนต์และทำตลาดต้นปี 2564 


ปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้ นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท. กำลังจะพิจารณาเป้าหมายยอดจดทะเบียนรถยนต์ EV ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เบื้องต้นคาดว่า ปี 2564 อาจมียอดจดทะเบียนสูงถึง 3-4 เท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 2563 หรือ 6-8 พันคัน จากปี 2563 ที่มีรถยนต์จดทะเบียนกว่า 2 พันคัน และปี 2562 จดทะเบียน 802 คัน อัตราการเติบโต 300-400% แบบนี้ แต่ต้องยอมรับว่า เมื่อคิดเป็นจำนวนแล้ว ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับยอดขายรถยนต์เกือบ ๆ 8 แสนคัน 


สำหรับปริมาณการผลิตรถยนต์ปี 2563 ผลิตรถยนต์ไปได้ 1,426,970 คัน น้อยกว่าปีที่ผ่านมา 29.14% แบ่งเป็น ผลิตเพื่อขายในประเทศ 792,146 คัน น้อยกว่าปีที่ผ่านมา 21.4% และส่งออก 735,842 คัน น้อยกว่าปีที่แล้ว 30.19% จะเห็นได้ว่า ตลาดต่างประเทศ ซึ่งวัดจากการส่งออก ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากกว่าตลาดในประเทศ 


หากเจาะลงไปที่ภาคการส่งออกรถยนต์ ตลอดทั้งปี 2563 มีการส่งออก รถยนต์สำเร็จรูปทั้งสิ้น 735,842 คัน ลดลง 30.19% คิดเป็นมูลค่าส่งออก 410,911 ล้านบาท หรือลดลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน 24.74% 

แต่ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิต ในปี 2562 อันดับ 11 ของโลก ต่างชาติไม่เพียงแค่ซื้อรถยนต์สำเร็จรูปเท่านั้น แต่ซื้อเครื่องยนต์ ทั้งปี 2563 มีมูลค่าทั้งสิ้น 23,817 ล้านบาท ลดลง 25.57% 

ชิ้นส่วนยานยนต์อื่น ๆ มีมูลค่าการส่งออก 137,902 ล้านบาท ลดลง 25.00% และอะไหล่รถยนต์ มีมูลค่า 19,274 ล้านบาท ลดลง 20.09% และอีกกลุ่มที่ประเทศไทย ผลิตและส่งออก คือรถจักรยานยนต์ ทั้งชิ้นส่วนและอะไหล่ ทั้งปี 2563 มีมูลค่า 88,194 ล้านบาท ตัวนี้เป็นบวก 19.23%  รวมมูลค่าทั้งสิ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยส่งออกไปยังต่างประเทศสร้างรายได้ 680,100 ล้านบาท -20.91%


ส่วนปริมาณการขายในประเทศ เป็นสิ่งที่หลายคน แม้กระทั่งค่ายรถยนต์เอง ไม่คาดคิดว่าจะฟื้นตัวได้รวดเร็วขนาดนี้ ภาพรวมผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 792,146 คัน ติดลบไป 21.4%  กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ชี้ให้เห็นยอดขาย 3 เดือนสุดท้ายของปี เริ่มตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2563 ยอดขายเพิ่มขึ้นมาเป็น 74,114 คัน แม้จะยังติดลบอยู่ แต่ติดลบน้อยกว่าเดิมมาก คือ ติดลบ 1.4% 

ส่วนเดือนพฤศจิกายน มียอดขาย 79,177 คัน พลิกมาเป็นบวก 2.7% เมื่อเทียบกับปี 2562 ปีที่ไม่มีโควิด-19 แพร่ระบาดเหมือนในปัจจุบัน และยิ่งไปกว่านั้น ปิดปีเดือนธันวาคม 2563 ยอดขายในประเทศไทย ทะลุ 1 แสนคันอีกครั้ง นับตั้งแต่โครงการรถคันแรก ครั้งนี้ยอดอยู่ที่ 104,089 คัน เพิ่มจากปีที่ผ่านมา 11.3% ท่ามกลางการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ สำหรับยอดขายทะลุแสนครั้งแรกคือ ธันวาคม 2561 

สำหรับใครที่กำลังจะซื้อรถ อาจตัดสินใจไม่ถูก ว่าต้องการซื้อรถเก๋ง รถ SUV หรือ รถกระบะดี วันนี้นำสถิติปี 2563 มาให้ ดู 3 อันดับแรกยอดฮิตสำหรับคนไทย อันดับ 1 ยังคงเป็นรถกระบะ ใช้บรรทุกของได้ดี ยังคงมาเป็นอันดับ 1 ยอดขาย 364,887 คัน ลดลง ติดลบ 15.47% จากปีที่ผ่านมา ที่มียอดขาย 431,677 คัน  

อัตราติดลบ 15% มีการประเมินกันว่า เป็นอัตราติดลบที่น้อยกว่า ยอดขายในประเทศโดยรวม ที่ระดับ ติดลบ 21% เป็นเพราะภาคการเกษตรได้รับประโยชน์จากมาตรการประกันราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะ 5 พืชหลัก จึงทำให้ผลกระทบโควิด-19 ไม่รุนแรง และไม่กระทบการใช้จ่ายมากนัก 

ขณะที่ อันดับ 2 รถยนต์นั่ง ปี 2563 มียอดขายทั้งหมด 274,789 คัน ติดลบ 31.02% จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 398,386 คัน เป็นระดับที่ติดลบหนักที่สุด รถประเภทนี้มีการใช้งานในกลุ่มคนทำงาน ซึ่งหลายกลุ่มได้รับผลกระทบจากโควิด-19

และอันดับ 3 มาแรงจริงๆ สำหรับรถยนต์นั่ง  SUV ซึ่งมีการเปิดตัวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มียอดขายในปีที่ผ่านมา 68,705 คัน ติดลบ 2.2% เมื่อเทียบปี 2562 ที่มียอดขาย 70,252 คัน เป็นระดับติดลบที่น้อยมาก กลุ่มผู้ใช้งาน คือผู้ที่ต้องการใช้รถยนต์มากกว่ารถเก๋งธรรมดา เป็นการขยายครอบครัว หรือ การขนส่งสินค้า อาชีพอิสระ ทีต้องขนสินค้าไปขาย เป็นต้น ที่สำคัญ ระดับราคาลดลงอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางสามารถเข้าถึงได้ รถประเภทนี้จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย

คำถามสำคัญที่เกิดขึ้น ในวงแถลงข่าวเมื่อวานนี้ ตัวเลขยอดขายในประเทศปี 2563 กว่า 7.9 แสนคัน แต่ปี 2564 กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท. ตั้งเป้าเอาไว้ ว่าจะขายในประเทศ 7.5 แสนคัน เท่ากับ "ยอดขายในประเทศจะยังคง ติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน" 

ยังคงต้องให้กำลังใจอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และยังคงต้องรอลุ้นว่าปี 2563 ไทยยังคงเป็นฐานการผลิตรถยนต์อันดับ 11 ของโลกต่อไป หรือตกอันดับ ถ้ามีความคืบหน้า รายการเศรษฐกิจ Insight ไม่พลาดรายงานให้ได้ทราบ 

ติดตามได้ในรายการ เศรษฐกิจ Insight : ตอน อุตสาหกรรมยานยนต์ ตั้งเป้า 5 ปีฟื้น ผลิตรถยนต์ 2 ล้านคันได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=61nsXoAQ7uc 


เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE



ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง