รีเซต

สันธนะ ลุยพบ ผบช.ภาค 3 จี้คดี 2 ตร. กับพวก ยึดกิจการตลาดสุรนารี โกยเดือนละ 10 ล้าน

สันธนะ ลุยพบ ผบช.ภาค 3 จี้คดี 2 ตร. กับพวก ยึดกิจการตลาดสุรนารี โกยเดือนละ 10 ล้าน
มติชน
2 พฤศจิกายน 2565 ( 18:51 )
53

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.สันติบาล พร้อมพวกได้เดินทางมาขอเข้าพบ พล.ต.ท สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภาค 3 ที่ห้องทำงานในสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้ต้องหา 28 ราย ร่วมกันปล้นทรัพย์ ซ่องโจร และทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา 83,91,210,340,358 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4-7 ธันวาคม 2563 และ วันที่ 1-2 ธันวาคม 2564 พฤติการณ์บุกยึดครอบครองกิจการตลาดสุรนคร เมืองใหม่ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตลาดสุรนารี เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา ซึ่งมีห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) โคราชอาสาคอนสตรัคชั่น ในฐานะได้สิทธิบริหารกิจการตลาดดังกล่าว โดยปิดห้องพูดคุยนานร่วม 1 ชั่วโมง

 

 

นายสันธนะ เปิดเผยว่า มาสอบถามการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เหตุร่วมกันทุบทำลายทรัพย์สินของ หจก.โคราชอาสาคอนสตรัคชั่น ได้มอบอำนาจให้ติดตามคดีซึ่งเกิดขึ้นช่วง มกราคม 2564 อัยการจังหวัดนครราชสีมามีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 28 ราย ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยให้พนักงานสอบสวน สภ.เมือง นครราชสีมา เรียกตัวผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหา จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการตามคำสั่งอัยการ

 

“ซึ่งมีผู้ต้องหา 2 ราย เป็นข้าราชการตำรวจและเป็นสิทธิจะปฏิเสธหรือรับสารภาพ แต่ยังไม่ดำเนินการแต่อย่างใด ขณะนี้ ผบช.ภาค 3 ทราบปัญหาอุปสรรคเบื้องต้น ตนก็จะติดตามพร้อมทำหนังสือเป็นทางการอีกครั้ง ส่วนสิทธิการครอบครองกิจการตลาดเป็นปัญหาภายในเกิดขึ้นระหว่างทายาทแบ่งกลุ่มแบ่งก๊กต้องรอจนกว่าจะมีข้อยุติใครมีสิทธิโดยชอบ หากมาขอความช่วยเหลือตนก็พิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง”

 

ทั้งนี้ ตลาดสุรนครเมืองใหม่ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตลาดสุรนารี ถือเป็นตลาดกลางค้าส่งพืชผักและผลไม้ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ ตรงข้ามสถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมา แห่งที่ 2 เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา ถือเป็นมหากาพย์ข้อพิพาทผลประโยชน์เดือนละกว่า 10 ล้านบาท จนกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งบานปลายระหว่างบุคคลในตระกูลเดียวกันและผู้เช่าที่มีทั้งกองเชียร์และกองแช่งติดตามความเคลื่อนไหวปัญหาความขัดแย้งทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งคู่ขนานกับการจ้างวานผู้มีอิทธิพลนำกำลังบุคคลภายนอกเป็นชายฉกรรจ์ชุดดำเข้าบุกยึดครองการบริหารจัดการตลาดจำนวนหลายครั้ง ผู้ประกอบการและประชาชนต่างเอือมระอากับพฤติกรรรมนอกรีตไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบผลัดเปลี่ยนเวรยามมารักษาความสงบเรียบร้อย

 

ล่าสุดศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้จำเลย บริษัท สุรนครเมืองใหม่ จำกัด ชำระเงิน 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และค่าเสียหายเดือนละ 9 แสนบาท นับตั้งแต่วันฟ้อง ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2537 เป็นต้นไป รวมเป็นเวลา 28 ปี จนถึงขณะนี้เป็นเงินที่ต้องชำระ 740 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง