เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
**บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,650-1,662 จุด โดยกลุ่มพลังงานคาดยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่พักตัว ส่วนปัจจัยที่ตลาดกังวลหลักยังคงเป็นนโยบายการเงินของ FED ที่คาดว่าจะตึงตัวขึ้นเร็วทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ย 3-4 ครั้งในปีนี้ รวมถึงโอกาสที่จะเริ่มลดขนาดงบดุลในช่วง 2H22 ซึ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ธ.ค.21 ของสหรัฐฯออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด +0.4% M-M, +7% Y-Y จะยิ่งเป็นการตอกย้ำ ส่วนประเด็นการระบาดของโอมิครอนปัจจุบันแม้จะยังเร่งตัว แต่ยังให้น้ำหนักต่อเศรษฐกิจและ SET Index ไม่มากเพราะโอกาส Lockdown ต่ำ
กลยุทธ์จึงเน้นสะสมหุ้นในช่วงพักฐาน ส่วนระยะสั้นเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและกลุ่ม Value Play มี PER ไม่สูง รวมถึงหุ้นที่คาดประกาศกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง คาดว่าจะสามารถ Outperform ตลาดได้
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนโดยเน้นหุ้น Value และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
หุ้นเด่นเดือนม.ค. : CK, EA, HMPRO, KBANK, ORI
หุ้นเด่นวันนี้ : TFG
• แนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6 บาท
• เริ่มเห็นผลบวกจากราคาหมูที่ปรับขึ้นแรงตั้งแต่ 4Q21 คาดจะพลิกมีกำไรได้อีกครั้ง หลังขาดทุนใน 3Q21 และจะได้ผลบวกเต็มที่ใน 1Q22 รวมถึงราคาไก่ที่ปรับขึ้นตามหมู และหากรัฐพิจารณาลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ จะยิ่งเป็นบวกต่อต้นทุนการเลี้ยงของบริษัท
• เราปรับสมมติฐานราคาขายหมูหน้าฟาร์มปี 2022 จาก 79 บาท/กก. เป็น 95 บาท/กก. เพราะมองว่าโรคระบาดจะทำให้ราคาหมูยืนสูงนานจากปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 104 บาท/กก. จึงปรับเพิ่มกำไรปี 2022 ขึ้นเป็น 2.27 พันลบ. +300% Y-Y
• แนวรับ 5//4.90 บาท แนวต้าน 5.30//5.60-5.80 บาท
**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ Sideway down ตัวแปรที่มีผลและกดดันตลาด คือ ความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และการระบาดของ Omicron การที่ Fed มีดำริจะลดปริมาณเงินในระบบลง (QE+QT) และวันที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ว่า Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ถึง 4 ครั้ง ทำให้นักลงทุนทั่วโลก ชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ต่อไป ความกังวล Omicron จะทำให้แรงเก็งกำไรในสินทรัพย์ที่เป็น Commodity (น้ำมัน) ชะลอตัวลง ด้านของไทย หากมีแนวโน้มที่จะ lockdown หรือตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก จะกระทบต่อตลาดหุ้น นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงเน้น การเข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวมากกว่าที่จะมองในเรื่องของทิศทางตลาดหุ้น เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูกาลของการเข้าเก็งงบการเงิน 4Q21
Event ที่สำคัญของวันนี้ ประชุม ครม. และ Powell แถลงภาวะเศรษฐกิจต่อสภา Senate และสภาฯ จะพิจารณาการต่ออายุของประธาน Fed ด้วย Strategy เงินเฟ้อพุ่ง และ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย และการระบาด Omicron ในไทย กลายเป็นตัวแปรที่กดดันตลาดไปอีก 1-2 สัปดาห์ การลงทุนในสภาวะแบบนี้ ควรเลี่ยงหุ้นที่ราคาขึ้นมามากๆ ไว้ก่อน ปรับเป็นเก็งกำไรช่วงสั้นตามข่าวรายวัน บนสมมติฐานข้างต้น ฝ่ายวิจัยมองว่าดัชนีฯ รอบนี้ ถ้าจะเป็นลบ มีโอกาสลงไปอยู่ในโซน 1630-1640 จุด ซึ่งเป็นโซนเข้าซื้อจุดแรก สำหรับผู้ที่กำลังรอซื้อหุ้นในรอบนี้อยู่ นักลงทุนยังควรเลี่ยงหุ้นที่ Omicron กระทบทางตรงไว้ก่อน คือ ธุรกิจการบินและท่องเที่ยว จนกว่าสถานการณ์จะผ่านจุด peak ไปแล้ว
พอร์ตหุ้นวันนี้ นำ WICE, JMART, ITEL ออก และเพิ่ม PSL, BEC เข้ามาแทน พอร์ตหุ้นประกอบด้วยPSL(15%), BEC(15%), IMH*(15%), KKP(15%), TU(10%), BLA*(15%), IVL(10%)
Strategy Stock Pick
PSL: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 21.50 บาท) “โควิดระลอกใหม่ใหม่-จีนคุมท่าเรือ อาจทำให้ค่าระวางกลับมาสูงอีกครั้ง”
• ค่าระวางเรือในปี 2022 มีโอกาสกลับมาสูง หลังการระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยจีนมีโอกาสใช้นโยบายคุมโควิดและเข้มงวดกับท่าเรือ
• ปริมาณการขนส่งทั่วโลกในปี ’22 เพิ่มขึ้นรับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว สถานการณ์ที่ท่าเรือยังไม่ปกติ ยังคงอยู่ในภาวะ Congestion เรือขาด
• KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2021-2022 ที่ 3.83 พัน ลบ. และ 2.64 พัน ลบ. พลิกจากขาดทุนในปี 2020 ชะลอตัว -31%YoY ในปี 2022 ตามลำดับ
Technical :TFM, SKY
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,640 – 1,650 แนวต้าน 1,665 รอประเมินผลกระทบจาก Omicron แนะนำทยอยซื้อBBL, SCB, KKP ( +คาดกำไร Q4/64 ฟื้นตัว YoY )/กลุ่มอาหาร CPF, ASIAN,TFG/ IMH, SMD, TM (+ชุดตรวจ ATK)
RCL* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus N.A.บาท) แนวโน้มผลการดำเนินงาน RCL จะยังได้ปัจจัยหนุนจากอัตราค่าระวางเรือ Container อ้างอิงจากดัชนี SCFI ที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ปัจจัยหนุนยังมาจาก Demand การขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ และ Season การขนส่งจะกลับมาเร่งขึ้นก่อนตรุษจีน ขณะที่ Supply ยังประสบปัญหาการขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้า และนโยบาย Zero COVID ของจีน ที่ส่งผลให้ท่าเรือเกิดความหนาแน่น
ASIAN* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 22.60 บาท) ธุรกิจหลักอาหารสัตว์เลี้ยงยังเป็นหนึ่งในธุรกิจที่รับความผันผวนได้ดีจากปัจจัย Covid-19 โดยกำไรสุทธิในช่วง 3Q64 อยู่ที่ 271 ลบ. +34.0%YoY, -7.6%QoQ ยังเติบโตได้ดีจากยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยง ขณะที่ช่วง 4Q64 ยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากเงินบาทที่อ่อนค่า(ราวได้ส่งออกราว 70%) สำหรับการดำเนินงานช่วงถัดๆไปยังมีความน่าสนใจจาก ภาพรวมอุตสหกรรมธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงโลกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงแผนที่จะนำบริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (AAI) เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี65นี้ ทั้งนี้ตลาดคาด กำไรสุทธิจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและ EPS ปี65 จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ1.42 บาท/หุ้น