รีเซต

โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้ : เรารู้อะไรแล้วบ้าง หลังไหม้มาตั้งแต่ตี 3

โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้ : เรารู้อะไรแล้วบ้าง หลังไหม้มาตั้งแต่ตี 3
ข่าวสด
6 กรกฎาคม 2564 ( 03:09 )
245
โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้ : เรารู้อะไรแล้วบ้าง หลังไหม้มาตั้งแต่ตี 3

 

เป็นเวลา 20 ชั่วโมงแล้วหลังเกิดเหตุไฟไหม้ที่โรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติกของ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ในซอยกิ่งแก้ว อ. บางพลี จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ยังคงระดมกำลังสกัดเพลิงที่โหมไหม้ แต่ยังไม่สามารถควบคุมไฟให้สงบลงได้

 

 

ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สมุทรปราการ แถลงว่า เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นทำให้ในเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และบาดเจ็บ 33 ราย

 

 

นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการ จ.สมุทรปราการ ระบุ สถานการณ์ขณะนี้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าในช่วงเช้า คือไฟลดลง และสามารถควบไฟเปลวเพลิงได้บางส่วน อย่างไรก็ตาม นายปภินวิช ละอองแก้ว หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสมุทรปราการ ยังไม่สามารถระบุกรอบเวลาได้ชัดเจนว่าจะสามารถดับเพลิงลงได้เมื่อใด

 

 

ขณะที่นักวิชาการเคมีจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชี้ว่า สารเคมี "สไตรีนโมโนเมอร์" ที่โรงงานแห่งนี้ เป็นสารอันตรายอาจก่อให้เกิดมะเร็ง หากปล่อยให้สลายตามธรรมชาติอาจใช้เวลานาน 1 ปี

 

 

เกิดอะไรขึ้น

 

อัคคีภัยครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 03.20 น. เฟซบุ๊กเพจของกลุ่มกู้ภัยป่อเต็กตึ๊งจุด สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-สภ.บางแก้ว รายงานว่าเบื้องต้นพบผู้บาดเจ็บที่เกิดเหตุประมาณ 10 ราย สาหัส 2 ราย ต่อมาได้เกิดระเบิดขึ้น คาดว่าเป็นถังบรรจุสารเคมีภายในโรงงาน แรงระเบิดทำให้บ้านเรือน โรงงาน โรงเเรม อะพาร์ตเมนท์ในรัศมี 1-2 กม. ได้รับความเสียหายนับร้อยหลังคาเรือน และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคนจากวัสดุที่พังลงมาจากแรงสั่นสะเทือน

 

 

09.00 น. นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี ได้ออกประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงอพยพ และออกห่างจากจุดเกิดเหตุในรัศมี 5 กิโลเมตร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ และเกรงว่าเพลิงจะลุกลามไปติดถังสารเคมีในพื้นที่ใกล้เคียง ประมาณ 20,000 ลิตร

 

 

12.00 น. ได้เกิดระเบิดระลอกที่สอง หลังจากมีสารเคมีรั่วไหลออกมา ทำให้ไฟลุกโหมขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงถูกไฟคลอกได้รับบาดเจ็บ 3 นาย และเสียชีวิตอีก 1 นาย

 

 

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าได้สั่งการให้กรมควบคุมมลพิษร่วมสืบสวนหาสาเหตุและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ในการระงับเหตุ พร้อมทั้งวางมาตรการเพื่อป้องกันประชาชนจากมลพิษจากไฟไหม้สารเคมี ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำเข้าระงับเหตุ

 

 

 

 

นอกจากนี้มีการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมด้วยเครื่องจักรกลสาธารณภัยสนับสนุนการดับเพลิงฯ ประกอบด้วย รถหอน้ำ 37 เมตร, รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว, รถบรรทุกน้ำช่วยดับเพลิง และรถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยเพื่อขนโฟมดับเพลิง ซึ่งขณะนี้อยู่ในพื้นที่และปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานและอาสาสมัครที่เกี่ยวข้องในพื้นที่แล้ว รวมถึงเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต 10 นาย

 

 

15.10 น. เจ้าหน้าที่เริ่มใช้เฮลิคอปเตอร์ เทโฟม 3 รอบ โดยใช้น้ำ 3,000 ลิตร ผสมโฟม แต่ไม่เป็นผล

 

15.19 น. เริ่มใช้รถฉีดละอองฝอยผสมโฟมจาก สำนักป้องกันสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.

 

18.00 น. เฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงบินโปรยสารเคมีอีกครั้ง แต่ยังไม่ประสบควาสำเร็จ

 

18.30 น. เจ้าหน้าที่ยังใช้น้ำฉีดเลี้ยงไฟไม่ให้กระจายวงกว้างออกไป

 

ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังพยายามหาทางเข้าไปปิดวาล์วถังบรรจุสารเคมีขนาด 20,000 ลิตรเพื่อควบคุมเพลิง

 

 

 

 

ผลกระทบต่อสุขภาพ

หลังเกิดเหตุ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ ได้ขอความร่วมมือประชาชนอพยพออกจากพื้นที่อย่างน้อย 5 กิโลเมตร เพื่อลดความเสี่ยงผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากสารเคมีเป็นสไตรีนโมโนเมอร์ที่เป็นของเหลว ไวไฟ เมื่อติดไฟจะให้ควันหรือก๊าซที่ระคายเคืองหรือเป็นพิษ จึงห้ามอยู่ใกล้ เปลวไฟและประกายไฟ และห้ามสูบบุหรี่

 

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวว่าเบื้องต้นโรงงานมีสารเคมีอันตรายอย่างน้อย 2 ชนิด คือ เพนเทน และสไตรีนโมโนเมอร์ ซึ่งเจ้าหน้าทีฉีดน้ำและโฟมหล่อเลี้ยงไว้ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ถังบรรจุสารเคมีมีอุณหภูมิสูงเกินไป

 

 

สไตรีนโมโนเมอร์ เป็นสารเคมีที่มีอันตรายต่อระบบอวัยวะสำคัญของร่างกาย ทั้งระบบ ทางเดินหายใจ ระบบประสาท ระบบสร้างเลือด ตับ และระบบประสาทส่วนกลาง เมื่อได้รับไอระเหยของสารนี้ทางการสูดดมส่งผลให้เวียนศีรษะ ง่วงซึม ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย หมดสติ จะต้องย้ายผู้ป่วยไปบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ทันที

 

 

หากได้รับทางผิวหนังจะมีอาการผิวหนังแดง ปวด ให้ใช้วิธีล้างผิวหนังทันทีด้วยสบู่และน้ำปริมาณมาก ๆ หากสัมผัสสารทางดวงตาจะทำให้ระคายเคืองตา ตาแดง ปวดตา จึงควรล้างตาด้วยน้ำ ในปริมาณมาก ๆ เช่นกัน เพื่อเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น

 

 

 

 

ด้าน รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐออนไลน์ว่า สารเคมีที่โรงงานนี้มีสารตั้งต้นหลายตัว ซึ่งสารประกอบหลัก ๆ คือ สไตรีน (styrene) เพราะเป็นโรงงานที่ทำ ฟองน้ำ โฟม นอกจากนี้ ยังมีสาร พอลิสไตรีน (polystyrene) โดยมีสไตรีนเป็นสารตั้งต้น และยังมีสารที่อยู่ในกลุ่มตัวทำละลาย เช่น คาร์บอน เตตระคลอไรด์ (carbon tetrachloride) โทลูอีน (toluene) สารเคมีที่เป็นตัวชะล้างทำความสะอาด ซึ่งเป็นสารประกอบ ฮาโลเจน (halogen) ซึ่งโดยรวมแล้ว จะเรียกว่าเป็นสารเคมีที่ไม่เป็นมิตรต่อมนุษย์ คือ สารที่เหนี่ยวนำที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็งในอนาคต ด้วยเหตุนี้จึงใช้งานในอุตสาหกรรมระบบปิด ไม่ค่อยจะหลุดรอดออกมาสู่ชุมชน

 

 

ในการให้สัมภาษณ์กับเวิร์คพอยท์ทูเดย์ว่า รศ.วีรชัย อธิบายว่า สารเคมีเหล่านี้ โดยเฉพาะ สารสไตรีน มีสารประกอบอื่น ๆ เช่น เบนซิน เป็นสารไวไฟที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้ เมื่อสารเหล่านี้เจอกับไฟก็เกิดการระเบิดปะทุขึ้นมา

 

 

ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นในอากาศที่มาจากการเผาไหม้ คือ ฝุ่น PM 2.5 พร้อมกับสารปนเปื้อนสารเคมี เป็นกลุ่มหมอกควัน กระทบต่อประชาชนที่อาศัยโดยรอบ และยังเป็นผลต่อสุขภาพในระยะยาว

 

 

เขากล่าวว่า"ไม่ได้มีพิษเฉียบพลัน แต่เป็นกลุ่มหมอกควันที่มีสารเคมีเจือปนมีผลต่อร่างกายในระยะยาว ถ้าสูดหายใจเข้าไปจะมีผลกระทบต่อทางเดินหายใจ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าเราจะเป็นมะเร็งกันทั้งหมด เพราะสารกลุ่มนี้เป็นสารที่สงสัยให้ก่อมะเร็ง แต่การรับเข้าไปเยอะ ๆ ก็มีผลต่อร่างกาย ในส่วนของกลุ่มผู้ป่วย มีร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้ว เมื่อต้องสูดดมสารพิษ อาจทำให้ร่างกายแย่ลง แนะนำว่าประชาชนควรใส่หน้ากากแบบเต็มใบหน้า หรือหน้ากากที่ป้องกัน PM 2.5 ได้"

 

 

 

 

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้มีไอระเหยของสารสไตรีน และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ กระจายออกไปโดยรอบในรัศมีประมาณ 5 กิโลเมตร โดยเฉพาะด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของโรงงาน ซึ่งเป็นด้านท้ายลมในช่วงเช้า บริเวณแถบถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก แขวงดอกไม้ เขตประเวศ ทิศทางลมมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา

 

 

ขณะเดียวกัน ผลการตรวจของกรมควบคุมมลพิษพบว่า เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นได้ก่อให้เกิดมลพิษไกลถึง 9 กม.

 

 

โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่โดยรอบในระยะ 500 เมตร -9 กิโลเมตร โดยตรวจวัดระดับขีดจำกัดการติดไฟ (LEL) ปริมาณสารอินทรีย์ระเหย (VOCs) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) พบว่าอยู่ในเกณฑ์ค่าขีดจำกัดการรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลัน

 

 

นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แสดงความกังวลว่าอาจมีฝนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ซึ่งฝนจะไปชะล้างกลุ่มควันจากเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งเป็นสารพิษแล้วตกลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง หรือบ่อน้ำ อาจส่งผลต่อประชาชนในการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค จึงขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้น้ำช่วงนี้ โดยในช่วง 1-2 วันนี้ ต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

 

 

ขณะเดียวกัน โลกออนไลน์ต่างแชร์ภาพและคลิปกลุ่มควันจากเหตุไฟไหม้ที่ได้ลอยเข้าปกคลุมหลายพื้นที่ของ กทม. เช่น ย่านบางนา ลาดกระบัง หัวหมาก บางกะปิ รวมถึงบริเวณแยกรัชโยธิน และประชาชื่น

 

 

รศ.วีรชัย บอกกับเวิร์คพอยท์ทูเดย์ว่า การกำจัดหมอกควันที่มีสารพิษเหล่านี้ มีระยะเวาสลายตัวตามธรรมชาตินานเป็นปี แต่ก็จะเกี่ยวข้องกับปัจจัยอย่างอื่นด้วย เช่น น้ำ ความชื้น ฝน ก็จะทำให้สลายตัวได้เร็ว และน้ำจะทำปฏิกิริยาทำให้กลายเป็นสารประกอบตัวอื่นที่สลายตัวได้ง่ายขึ้น และลงสู่พื้นดินซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และวนกลับมาสู่มนุษย์ได้อีก

 

 

 

นักวิชาการเคมีจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตั้งข้อสงสัยว่าที่ตั้งโรงงานดังกล่าว อยู่ในพื้นที่สีแดงของผังเมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับอาคารพาณิชย์และแหล่งชุมชน ทั้งที่โรงงานขนาดใหญ่แบบนี้ควรจะเป็นพื้นที่สีม่วง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง