รีเซต

ฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง เพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันอาการเจ็บป่วย เมื่อไปต่างประเทศ

ฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง เพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันอาการเจ็บป่วย เมื่อไปต่างประเทศ
TNN ช่อง16
10 ธันวาคม 2568 ( 22:51 )
10

ก่อนจะเก็บกระเป๋า เช็ควัคซีนกันหรือยัง? "เที่ยวทั้งที อย่าลืมเพิ่มภูมิคุ้มกันไปด้วย! การเดินทางและสุขภาพ: เรื่องที่ต้องคิดควบคู่กัน"


ก่อนจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ หลายคนอาจให้ความสำคัญกับเรื่องการจองตั๋ว ที่พัก หรือการเตรียมเสื้อผ้าและกล้องถ่ายรูป แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ "สุขภาพ" โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมด้านภูมิคุ้มกันผ่านการฉีดวัคซีน บทความนี้ได้รับเกียรติจาก นพ.วีรยุทธ ตะโนรี (ว.40915) แพทย์เฉพาะทางด้านเวชปฏิบัติทั่วไป ศูนย์ตรวจสุขภาพ โรงพยาบาลนวเวช มาให้ความรู้เกี่ยวกับการลดความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อที่อาจพบเจอในประเทศปลายทาง เพื่อให้คุณดูแลตนเองและคนรอบข้างได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม


1. กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ


บุคคลบางกลุ่มมีความเปราะบางและต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพมากเป็นพิเศษในการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่


-ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว

-เด็กเล็กและสตรีมีครรภ์

-ผู้ที่ไม่เคยตรวจสุขภาพมาก่อน (กลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญ เพราะอาจไม่รู้ว่าตนเองมีภาวะแฝงอะไรบ้าง)


ดังนั้น จึงขอแนะนำให้ "ตรวจสุขภาพก่อนการเดินทาง" เพื่อประเมินความเสี่ยงที่แท้จริงและรับคำแนะนำในการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง


2. วัคซีนพื้นฐานที่จำเป็น


ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใด การสร้างภูมิคุ้มกันพื้นฐานให้ครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ควรได้รับวัคซีนดังต่อไปนี้:

วัคซีนไข้หวัดใหญ่: ควรฉีดกระตุ้นปีละ 1 ครั้ง

-วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (dTAP): ควรฉีดกระตุ้นทุก 10 ปี

-วัคซีนหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR): สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเป็นโรคหรือได้รับวัคซีนไม่ครบ

-วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A): แนะนำเป็นพิเศษ เนื่องจากโรคติดต่อผ่านอาหารและน้ำดื่มที่ไม่สะอาด ซึ่งเป็นความเสี่ยงหลักของนักเดินทาง

-วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B): ติดต่อผ่านเลือดและสารคัดหลั่ง ป้องกันไว้เผื่อกรณีเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินหรือเจ็บป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในต่างแดน

-วัคซีนเฉพาะกลุ่มเสี่ยง: เช่น วัคซีนงูสวัด (Shingles) และวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ(Pneumococcal) แนะนำสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง



3. วัคซีนเฉพาะทางของแต่ละประเทศ


นอกจากวัคซีนพื้นฐานแล้ว ควรพิจารณาฉีดวัคซีนเพิ่มเติมตามความเสี่ยงของโรคในแต่ละประเทศปลายทาง ดังนี้:

-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา): ควรพิจารณาฉีด วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ โดยเฉพาะหากมีแผนรับประทานอาหารริมทาง (Street Food) หรือเดินทางในพื้นที่ชนบท

-แอฟริกาและอเมริกาใต้: "จำเป็น" ต้องฉีด วัคซีนไข้เหลือง (Yellow Fever) ซึ่งบางประเทศกำหนดให้ผู้เดินทางต้องมีใบรับรองการฉีดวัคซีน จึงจะสามารถเข้าประเทศได้ (แนะนำเพิ่มเติม: ควรพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า แบบป้องกันล่วงหน้าหากมีแผนการเดินทางที่ต้องใกล้ชิดหรือสัมผัสกับสัตว์)

-ยุโรปและสหรัฐอเมริกา: เน้นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะการเดินทางในช่วงฤดูหนาวที่มีการระบาดสูง

ตะวันออกกลาง: หากเดินทางไปแสวงบุญหรือเยี่ยมเยียนญาติ ควรตรวจสอบข้อกำหนดเรื่อง วัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

-(Meningococcal Vaccine) ซึ่งบางประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย มีข้อบังคับให้ฉีดในช่วงประกอบพิธีฮัจญ์


4. การวางแผนฉีดวัคซีนและปรึกษาแพทย์


เพื่อให้วัคซีนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์หรือคลินิกเวชศาสตร์การเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ก่อนเดินทาง โดยมีระยะเวลาที่ควรคำนึงถึงดังนี้:

-วัคซีนทั่วไป: ควรฉีดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเดินทาง เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ทัน

-วัคซีนพิษสุนัขบ้า: กรณีฉีดเพื่อป้องกันแบบล่วงหน้า (Pre-exposure prophylaxis) อาจจำเป็นต้องฉีดให้ครบ 3 เข็มในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 21 วัน จึงควรเผื่อเวลาให้มากกว่าวัคซีนชนิดอื่น



5. เตรียมพร้อมก่อนบิน: ยา ประกัน และข้อมูล


นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว การเตรียมตัวด้านอื่น ๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน

-ยาประจำตัวและใบรับรองแพทย์: เตรียมยาโรคประจำตัวให้เพียงพอ และควรพกใบรับรองแพทย์ (Medical Certificate) ภาษาอังกฤษกำกับไปด้วย โดยเฉพาะยาแก้ปวดหรือยาจิตเวช ที่มีส่วนผสมของสารควบคุม รวมถึงควรพกยาสามัญประจำบ้านติดตัวไปด้วย

-ประกันสุขภาพ: ควรทำประกันสุขภาพการเดินทาง (Travel Insurance) เพื่อความอุ่นใจหากเกิดการเจ็บป่วยฉุกเฉิน

-เช็คสภาพแวดล้อม: ตรวจสอบสภาพอากาศและสถานการณ์โรคระบาดในพื้นที่ที่จะไป เพื่อเตรียมอุปกรณ์ป้องกันได้อย่างเหมาะสม


6. การดูแลสุขอนามัยระหว่างเดินทาง


เมื่ออยู่ต่างแดน การ์ดอย่าตก เพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อโรค:

-จดจำเบอร์โทรฉุกเฉิน (Emergency Call): ควรบันทึกเบอร์ฉุกเฉินของประเทศปลายทางไว้ในโทรศัพท์

ยึดหลัก "กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ": ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

-สวมหน้ากากอนามัย: เมื่อต้องอยู่ในพื้นที่แออัด หรือพื้นที่สาธารณะที่มีผู้คนพลุกพล่าน


การเจ็บป่วยระหว่างเดินทางไม่เพียงทำให้แผนเที่ยวสะดุด แต่ยังอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว การตรวจสุขภาพ การฉีดวัคซีนและการเตรียมตัวที่ดีจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและคนรอบข้าง


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง