เคลียร์มั๊ย? DELTA เปิดใจหุ้นลงแรง
#DELTA #ทันหุ้น-DELTA เปิดใจราคาหุ้นที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง ยอมรับเป็นผลจากความกังวลจากผลประกอบการไตรมาส 4/67 ที่ออกมาต่ำกว่าที่โบรกเกอร์คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันเปิดแผนธุรกิจปี 2568 มีแรงขับเคลื่อนจากการเติบโตของ AI และดาต้าเซ็นเตอร์ช่วยหนุน
นางสาวอัญชลี เจียรธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยกับ"ทันหุ้น"ว่า บริษัทเข้าใจดีว่าที่ราคาหุ้นปรับตัวลง ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลของตลาดต่อผลประกอบการงวดไตรมาส 4/67 ซึ่งมีกำไรที่ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ โดยผลประกอบการในไตรมาสดังกล่าว มีปัจจัยหลายประการเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ค่าใช้จ่ายพิเศษจากการตั้งสำรองงานแก้ไขผลิตภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย
อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายบางส่วนเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และบางปัจจัยเป็นเรื่องที่ยากจะคาดการณ์และควบคุมได้ เมื่อแรงกดดันของตลาดเริ่มคลี่คลาย คาดว่าราคาหุ้นและปริมาณการซื้อขายจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และสามารถสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่ยังคงแข็งแกร่งของบริษัทได้อย่างชัดเจน
DELTA แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า โดยชี้แจงถึงความผันผวนในการซื้อขายและราคาหุ้นของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่ได้แจ้งผลประกอบการงวดปี 2567 โดยได้ชี้แจงงบไตรมาส 4/67 ที่มีกำไรสุทธิ 2,155 ล้านบาท ลดลง 54.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือ YoY และลดลง 63.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หรือ QoQ
โดยยอดขายสินค้าและบริการในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 41,747 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% YoY แต่ลดลง 3.4% QoQ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์พาวเวอร์ซิสเต็มสำหรับระบบศูนย์ข้อมูล และดีซี พาวเวอร์สำหรับโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ยังมีแนวโนม้แข็งแกร่งต่อเนื่องร่วมกับโซลูชันโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศเติบโตได้ดีจากไตรมาสก่อน และปีที่แล้ว จากแนวโน้มความต้องการลงทุนเพื่อยกระดับดาต้าเซ็นเตอร์สำหรับการประมวลผลสมรรถนะสูง
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ(รวมการวิจัยและพัฒนา) มีจำนวน 7,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 61.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนสาเหตุหลัก มาจากค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยพัฒนา มีช่วงฤดูกาลที่บันทึกยอดจากโครงการต่างๆ ของศูนย์วิจัยที่เยอรมันสูงขึ้นในช่วงปลายปี ทั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ในการเพิ่มการลงทุน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต ตามแนวโน้มธุรกิจที่มีดีมานด์ความต้องการสูง
ค่าสิทธิจ่าย ซึ่งบันทึกอยู่ในค่าใช้จ่ายการขาย มีแนวโนม้ เพิ่มขึ้นช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากยอดขายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เติบโตสูง อย่างไรก็ตาม ไตรมาสนี้มีการประเมินและปรับปรุงอัตราเรียกเก็บค่าสิทธิจ่ายสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมและมีผลคำนวณย้อนถึงต้นปี ทำให้ค่าสิทธิจ่ายเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้อัตราอ้างอิงดังกล่าว ได้ผ่านการสอบทานเปรียบเทียบกับมาตรฐานอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยผู้เชี่ยวชาญการประเมินอย่างสมเหตุสมผล (บริษัท PWC)
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการบันทึกค่าใช้จ่ายทางกฏหมาย ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 โดยยอดรวมค่าใชจ่ายทางกฎหมายในปีนี้มีมูลค่า 1,008 ล้านบาท ทั้งนี้เกิดจากกลุ่มบริษัทเดลต้า มีข้อพิพาทด้านสิทธิบัตรเทคโนโลยีกับคู่กรณีในสหรัฐ สถานะคดียังไม่สิ้นสุดและอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ส่งผลให้ยังมีปัจจัยกดดันจากค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
โบรกเกอร์มีมุมมองเชิงลบหลังจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ส่วนใหญ่ปรับลดราคาเหมาะสมของหุ้นลง โบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสมหุ้น DELTA ในช่วง 60.00-133.00 บาท มีราคากลาง (Median) ที่ 77.50 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาซื้อขายในปัจจุบัน IAA Consensus โบรกเกอร์ให้คำแนะนำ “ขาย” 14 ราย ให้คำแนะนำ “ถือ” 1 ราย และ “ซื้อ” 1 ราย
ทั้งนี้ราคาหุ้น DELTA ปรับตัวลงแรงเมื่อวานนี้(17 ก.พ.68) ปิดที่ 86.50 บาท ลบ 26.50 บาท หรือ 23.45% ระหว่างวันราคาลงมาต่ำสุดฟลอร์ ที่ 79.25 บาทขณะที่ในวันนี้ราคาก็ยังปรับตัวลงต่อเนื่อง เคลื่อนไหวอยู่ที่ 79.50 บาท ลบ 7.00 บาท หรือ 8.09% มีมูลค่าการซื้อขาย 3,004.78 ล้านบาท
นางสาวอัญชลี กล่าวอีกว่า แนวโน้มปี 2568 เดลต้ายังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการเติบโตของ AI และดาต้าเซ็นเตอร์ ควบคู่กับการขยายโซลูชันทางธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในระดับโลกและภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเติบโตนี้ แผนบริหารจัดการมุ่งเน้นการลงทุนขนาดใหญ่ในด้านการขยายกำลังการผลิต พัฒนาระบบการผลิตอัจฉริยะ ขยายกำลังคนและเสริมสร้างศักยภาพด้านวิศวกรรมรวมถึงการวิจัยและพัฒนา (R&D)
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการดำเนินโครงการสำคัญต่าง ๆ เพื่อผลักดันเป้าหมายด้าน ESG และเดินหน้าสู่ RE100 ภายในปี 2573