คต.โรดโชว์กระตุ้นผู้ส่งออกขึ้นทะเบียนถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมจัดหน่วยบริการรับขึ้นทะเบียนการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง( Self-Certification) เคลื่อนที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ ณ นิคมอุตสาหกรรม จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1. นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ในวันที่ 9 กันยายน 2563 และ 2. นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี ในวันที่ 16 กันยายน 2563 โดยกรมจัดเจ้าหน้าที่ให้บริการและให้คำปรึกษาแนะนำการขึ้นทะเบียนอย่างใกล้ชิด
นายกีรติ กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้ารับบริการขอให้เตรียมเอกสารในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (PDF File) เพื่อใช้ในการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกที่ได้รับสิทธิรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (Certified Exporter) ได้แก่ 1. หนังสือรับรองบริษัท 2. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ Passport ของผู้มีอำนาจลงนาม 3. แผนที่แสดงที่ตั้งทำการ 4. แบบแจ้งรายชื่อและตัวอย่างลายมือชื่อ 5.หากเป็นผู้ส่งออกจะต้องให้ผู้ผลิตลงนามรับรองว่าสินค้าผลิตถูกต้อง ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวสามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://self-cert.dft.go.th/self-cert/home/login2.aspx และ 6. หากเป็นผู้ผลิตต้องแนบเอกสารเพิ่มเติม คือ ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน แผนภาพแสดงกระบวนการผลิตสินค้า และแผนที่ของสถานที่ผลิตและจัดเก็บสินค้า
นายกีรติ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมโรดโชว์ จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนั้น กิจกรรมนี้จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหันมาใช้สิทธิพิเศษทางภาษีโดยการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน (ASEAN Wide Self-Certification: AWSC) และสวิสเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์ (REX System) เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งกรมฯ เล็งเห็นว่าการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง เป็นการขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้แทนหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ขอจากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในการขอลดหย่อนภาษีในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน สวิสเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์อีกด้วย
นายกีรติ กล่าวต่อว่า ในส่วนของ AWSC ปัจจุบันประเทศสมาชิกอาเซียนได้มีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องต่างๆ เช่น คุณสมบัติของผู้ขึ้นทะเบียน คำรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เอกสารที่ใช้รับรอง และจำนวนรายชื่อผู้มีอำนาจลงนามรับรอง เป็นต้น โดยคาดว่าระบบ AWSC จะเริ่มมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนตุลาคม 2563 ซึ่งระบบดังกล่าว จะเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า สร้างแต้มต่อทางภาษี ลดค่าใช้จ่าย และลดขั้นตอนการดำเนินการ อันจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยได้มากยิ่งขึ้น