RCLรุกฐานเส้นทางทำเงิน เล็งศึกษาลงทุนกองเรือใหม่
RCL รับปี 2566 มีความท้าทายสูง มุ่งขยายฐานการตลาดเข้าพื้นที่ใหม่ อาทิ ตะวันออกกลาง, แอฟริกา, และเอเชีย เน้นรักษาศักยภาพทำกำไรเป็นหลัก เผยปีนี้รับรู้รายได้ค่าเช่าเรือขนาดใหญ่เต็มปีทั้ง 2 ลำ อีกทั้งศึกษาเตรียมพร้อมลงทุนเรือใหม่เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนในอนาคต เตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นจ่ายปันผลที่เหลือ 3 บาทต่อหุ้น
นายทวินโชค ตันธุวนิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL เปิดเผยว่า สถานการณ์ในปี 2566 ยังคงมีความท้าทายสูงจากทั้งสภาวะเงินเฟ้อ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่ล้วนส่งผลกดดันศักยภาพการจับจ่ายใช้สอย ความต้องการสินค้าอุปโภค-บริโภคทั่วโลกจึงมีแนวโน้มชะลอตัวลง ดังนั้นบริษัทจึงมุ่งบริหารจัดการเส้นทางการเดินเรือ (Routes Explorer) ที่เหมาะสมทั้งการขนส่งสินค้า และการเผาผลาญน้ำมันเพื่อควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ทั้งนี้บริษัทมุ่งขยายฐานการตลาดเข้าสู่ภูมิภาคที่มีศักยภาพการเติบโตสูง อาทิ ภูมิภาคตะวันออกกลาง, ทวีปแอฟริกา อาทิ ประเทศเคนย่า ประเทศแทนซาเนีย, ทวีปเอเชีย อาทิ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ฯลฯ เป็นต้น ควบคู่กับการบริหารจัดการกองเรือให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการจำหน่ายเรือเก่าออกไปเพื่อเก็บสะสมเงินสดไว้สำหรับจัดหาเรือในราคาที่เหมาะสมเข้ามาเสริมศักยภาพกองเรือในอนาคต
“บริษัทจะไม่เข้าไปแข่งขันด้านราคา โดยยอมเสียส่วนแบ่งทางการตลาดเพื่อรักษาศัยกภาพการทำกำไรไว้ในระดับที่เหมาะสม โดยจะมุ่งรุกเข้าสู่พื้นที่ใหม่ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ควบคู่กับการบริหารจัดการกระแสเงินสดโดยขายเรือเก่าออกไปซึ่งที่ผ่านมาขายออกไปแล้ว 5 ลำ และมีแผนที่จะขายออกไปอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเตรียมไว้ซื้อ หรือสั่งต่อเรือใหม่ที่ใช้พลังงานสำหรับอนาคต ซึ่ง ณ ปัจจุบันยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเข้ามาเสริมศักยภาพกองเรือ”
เรือใหญ่สัญญาเช่า 5 ปี
ณ สิ้นปี 2565 บริษัทมีกองเรือทั้งสิ้น 44 ลำ มีปริมาณตู้คอนเทนเนอร์พร้อมให้บริการกว่า 1.4 แสนตู้ โดยมี Routes Explorerทั้งสิ้น 53 เส้นทางทั่วโลก โดยเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนสั่งต่อเรือใหม่ทั้งสิ้น 8 ลำซึ่งมีทั้งขนาด 7,000 TEU ไปจนถึงขนาดใหญ่ 12,000 TEU โดยได้ทยอยรับเรือขนาด 12,000 TEUsมาแล้วทั้ง 2 ลำพร้อมส่งให้กับบริษัท Zim Integrated Shipping Services Ltd. ตามสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา 5 ปีในอัตราค่าเช่าเฉลี่ยที่ 6.5 หมื่นบาทต่อวัน โดยเรือลำแรกเริ่มให้บริการตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในปี 2566 นี้จะสามารถรับรู้ค่าเช่าเต็มปี
ส่วนลำที่ 2 ได้ส่งเข้าประจำการช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (20-24 ก.พ.2566) ซึ่งจะรับรู้รายได้เต็มเดือนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นไป ส่วนเรืออีก 6 ลำที่เหลือมีแผนทยอยรับในปี 2567
“ตลอดทั้งปี 2566 ต่อเนื่องถึงปี 2567 บริษัทจะเน้นรักษาสัดส่วนกระแสเงินสดระดับสูงเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โลกที่ยังมีความผันผวน รวมถึงศึกษาเตรียมพร้อมลงทุนเรือใหม่เพื่อสร้างรายได้ที่ยังยืนในอนาคต จึงไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่ในช่วงนี้”
ปันผล 3 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัท มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2565 รวมในอัตราหุ้นละ 7 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,801.25 ล้านบาท ซึ่งได้ประกาศและจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในปี 2565 ไปแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 ในอัตราหุ้นละ 1.75 บาท และเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ในอัตราหุ้นละ 2.25 บาท
ดังนั้นจะจ่ายเงินปันผลส่วนที่เหลืออีกหุ้นละ 3 บาท เป็นเงิน 2,486.25 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 17 มีนาคม 2566 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 เมษายน 2566