รีเซต

KTAMจ่ายปันผล-เงินลดทุน กองอสังหา-อินฟรากว่าพันล.

KTAMจ่ายปันผล-เงินลดทุน กองอสังหา-อินฟรากว่าพันล.
ทันหุ้น
16 ธันวาคม 2568 ( 15:12 )
23

#KTAM#ทันหุ้น KTAM เตรียมจ่ายปันผลและลดทุน กลุ่มกองทุนอสังหาฯ-อินฟราฯ Q3 ปี 68 กว่า 1.1 พันล้านบาท ในวันที่ 15 ธ.ค. และ 25 ธ.ค. นี้ ชี้ควรมีไว้ในพอร์ตช่ายกระจายความเสี่ยง และช่วยสร้างกระแสเงินสดจากการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า ในภาวะดอกเบี้ยขาลงนั้น โดยปกติถือว่าเป็นปัจจัยบวกสำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์กลุ่ม yield play เช่น Infrastructure Fund และ REIT เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตได้แล้ว ยังถือเป็นโอกาสในการสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตจากการได้รับเงินปันผลที่มีความสม่ำเสมอเพื่อชดเชยกับการลดลงของผลตอบแทนจากตราสารหนี้ รวมถึงการที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดต่ำลงนั้น ส่งผลให้ Infrastructure Fund และ REIT มีโอกาสพิจารณาเพิ่มการเข้าลงทุนในทรัพย์สินใหม่ โดยใช้เงินลงทุนจากการกู้ยืมเงินมาผสมกับการออกจำหน่ายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินที่ลดต่ำลง

*แจกปันผล-เงินลดทุน

โดยในช่วงที่ผ่านมา KTAM ยังคงสามารถสร้างผลงานได้ดีต่อเนื่องในการบริหารกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จึงได้กำหนดจ่ายปันผลและเงินลดทุนจากกำไรสุทธิสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย. 68 และกำไรสะสม จำนวน 4 กองทุน ในวันที่ 15 ธ.ค. 68 และ 25 ธ.ค. 68 รวมจำนวนกว่า 1,100 ล้านบาท ดังนี้

กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท (TTLPF) ซึ่งลงทุนในสิทธิการเช่าของสิ่งปลูกสร้างบางส่วนในโครงการตลาดไท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 60 ในอัตรา 0.4934 บาทต่อหน่วย

และกลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) ซึ่งลงทุนในสิทธิในผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าในสัดส่วนร้อยละ 62% ของรายได้ค่าไฟฟ้าจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของ บจก.ผลิตไฟฟ้าครบุรี กับ กฟผ. และภายในกลุ่มน้ำตาลครบุรี

โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ที่ใช้กากอ้อยซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้จากการผลิตน้ำตาลเป็นเชื้อเพลิงหลัก สัญญาเข้าลงทุนของกองทุนมีระยะเวลาถึงปี 2582 จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะยาว มองหาโอกาสรับกระแสรายได้จากทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 21 ในอัตรา 0.2470 บาทต่อหน่วย

ลำดับถัดมาคือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGATIF) ลงทุนในสิทธิในรายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 โดยกำหนดจ่ายปันผลครั้งที่ 39 ในอัตรา 0.0519 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินลดทุนครั้งที่ 17 ในอัตรา 0.1500 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผลและเงินลดทุน จำนวน 0.2019 บาทต่อหน่วย

*ราคายังแล็กการ์ด

โดยทั้งกองทุน KBSPIF และ EGATIF มีราคาตลาดที่ยังคง laggard โดยต่ำกว่า NAV หรือมูลค่าทางบัญชี (Book Value) รวมทั้งต่ำกว่าราคา PAR และไม่มีความเสี่ยงด้านความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากไม่มีการกู้ยืม (Zero Gearing Ratio) รวมถึงไม่มีความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ (Operational Risk) เนื่องจากทั้ง 2 กองทุนมีรายได้แบบ Passive Income จากส่วนแบ่งรายได้ของโรงไฟฟ้า และไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) และค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (CAPEX) ใดๆ โดยทั้ง 3 กองทุนข้างต้น มีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 15 ธ.ค. 68

และอีก 1 กองทุนที่จะจ่ายปันผลในวันที่ 25 ธ.ค. 68 คือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ลงทุนในสิทธิในรายได้ 45% ของรายได้ค่าผ่านทางสุทธิ ที่จัดเก็บได้จากโครงการทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี ซึ่งบริหารโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยสัญญาเข้าลงทุนของกองทุนจะสิ้นสุดปี 2591 กองทุนนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะยาว มองหาทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่มีโอกาสสร้างรายได้ตามการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการทางพิเศษทั้งใน 2 เส้นทางนี้ โดยกำหนดจ่ายปันผลครั้งที่ 28 ในอัตรา 0.1140 บาทต่อหน่วย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง