TFG หมู-ไก่ราคาดีด ต้นทุนลดมาร์จิ้นเด้ง

#TFG #ทันหุ้น – TFG อานิสงส์สมาคมผู้เลี้ยงสุกรปรับราคาสุกรดันราคาขายเพิ่มขึ้น สวนต้นทุนวัตถุดิบลด เชื่อดันผลงานดีจนถึงครึ่งปีแรก 2569 ปีหน้าโรงงานอาหารเวียดนามผลิตดันผลงาน ส่วนราคาไก่แตะ 40 บาท จ่อเข้าเวียดนาม ยิ้มร้านค้าปลีก SSSG ฟื้นตัว เล็งขยายสู่ 850 สาขา มองรายได้รวมปีนี้จบ 7.5 หมื่นล้าน ปี 2569 โตอีก 10-15% ส่วนบาทแข็งไม่กระทบ เหตุ Natural Hedge
นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ประกอบธุรกิจผลิตไก่และจำหน่ายไก่สด แช่เย็น จำหน่ายสุกร และจำหน่ายอาหารสัตว์ เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า จากการที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกร ประกาศปรับราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม ขึ้นอีก 2 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 68 - 74 บาทต่อกิโลกรัม จากฐานเดิมหลังราคาสุกรหน้าฟาร์มยืนมา 2 สัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้านี้สมาคมสุกรได้มีการปรับขึ้นราคาหมูหน้าฟาร์มอย่างต่อเนื่องในช่วงประมาณสองเดือนที่ผ่านมา
สะท้อนถึงความต้องการบริโภคภายในประเทศ ปัจจุบันราคาหมูหน้าฟาร์มเฉลี่ยอยู่ที่ 65-68 บาท ส่งผลให้ทิศทางผลประกอบการไตรมาส 4/2568 ยังมีแนวโน้มที่ดีและคาดว่าจะดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1-2/2569 ถึงแม้ว่าราคาหมูที่ปรับขึ้นมาอาจเพิ่มฐานรายได้บางส่วน รวมถึงมียอดขายที่ดีขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงอาจไม่ถึงขั้นมีนัยสำคัญมากนัก
@เจาะตลาดไก่เวียดนาม
ในส่วนของกำไรคาดว่าจะดีขึ้นพอสมควร โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาหมูที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม รวมถึงราคาวัตถุดิบที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยในเวียดนามบริษัทได้ลงทุนสร้างโรงงานอาหารสัตว์ไปพอสมควร และคาดว่าจะเริ่มเห็นผลผลิตในปีหน้า อีกทั้งการผลิตอาหารสัตว์เองช่วยลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการเลี้ยงดีขึ้น
ขณะที่ราคาไก่ได้ในปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือ 40 บาทแล้ว เนื่องจากในช่วงปลายไตรมาส 3/2568 ราคาปรับตัวลดลงไปพอสมควรจากหลายปัจจัย เช่น ปัญหาการรบกัน ภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาน้ำท่วม โดยมีสัดส่วนส่งออกอยู่ที่ประมาณ 48% ตลาดหลักคือ ยุโรป 55%, ญี่ปุ่น 24%, และฮ่องกง/จีน/มาเลเซีย อีกประมาณ 11% อีกทั้งยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไก่เข้าไปในเวียดนาม ซึ่งบริษัทได้เริ่มเลี้ยงไก่เนื้อแล้วและรายได้คาดว่าจะเริ่มเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า
โดยผู้บริหารมองว่าในระยะยาวการบริโภคไก่ทั่วโลกต้องเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นโปรตีนที่ถูกและมีคุณค่ามากที่สุด แต่ในระยะสั้นหมูยังคงเป็นธุรกิจหลักที่ครองตลาดในเวียดนาม ดังนั้นจึงตั้งเป้าหมายรายได้รวมในเวียดนามที่ 20,000 ล้านบาท ภายในปี 2571 จากปัจจุบันที่มีรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท
@ปักธงปีหน้าโต 15%
ในส่วนธุรกิจค้าปลีกยอดขายยังคงเป็นไปตามเป้าหมายคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถขยายสาขาได้ถึง 615 สาขา แต่ตั้งเป้าหมายขยายสาขาให้ถึง 850 สาขาในปีหน้า ซึ่งมีการเตรียมพื้นที่ไว้แล้วพอสมควร และคาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 45% ของรายได้รวม จากปัจจุบันอยู่ที่ 38% อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมาร์จิ้นให้กับธุรกิจไก่และหมู ยกตัวอย่างเช่น หากธุรกิจหมูกำไร 15% ธุรกิจค้าปลีกจะเพิ่มมาร์จิ้นเข้าไปอีกประมาณ 2-3% หลังหักค่าใช้จ่าย
ถึงแม้ว่าการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 3/2568 จะลดลง ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มของธุรกิจเป็นไปตามแนวโน้มของธุรกิจ รวมถึงได้รับผลกระทบจากราคาหมูที่ปรับตัวลดลง แต่คาดว่าไตรมาส 4/2568 จะปรับตัวดีขึ้น หากราคาหมูและราคาไก่กลับมาดีขึ้น รวมถึงกำลังการบริโภคฟื้นตัว
ดังนั้นจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นจึงคาดว่ารายได้รวมปีนี้น่าจะปิดที่ประมาณ 72,000-73,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่ารายได้รวมในปีหน้าจะเติบโตประมาณ 10-15% ทำให้รายได้จะสูงกว่า 80,000 ล้านบาท
@บาทแข็งไม่กระทบ
ด้านทิศทางเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลกระทบต่อการส่งออกทางอ้อมต่อบริษัท เนื่องจากตลาดหลักในการส่งออกคือญี่ปุ่น คิดเป็นประมาณ 30% ของสินค้าที่ส่งออก การอ่อนค่าของเงินเยนประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าอาจส่งผลกระทบต่อลูกค้าบางส่วน และอาจทำให้การแข่งขันด้านราคายากขึ้นเล็กน้อย
แต่ในภาพรวมของบริษัทได้รับผลกระทบมีไม่มากเพราะว่ารายรับและรายจ่ายที่เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ (USD) ใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นการทำ "Natural Hedge"
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
