เทียบฟอร์ม 2 หุ้นอสังหาฯ SIRI-PSH ควรลงทุนตัวไหนดี

บล.กรุงศรี พัฒนสิน ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) หรือ SIRI และหุ้นบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH โดยคาดการณ์กำไรไตรมาส 2/66 รวมถึงคำแนะนำการลงทุนและราคาเป้าหมายในหุ้นแต่ละบริษัท
ฝ่ายวิจัยกรุงศรี พัฒนสิน แนะนำซื้อหุ้น SIRI โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 2.20 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 1.60 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 74% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน โดยคาดกำไรไตรมาสนี้มี extra gain จำนวน 385 ล้านบาท(หลังหักภาษี) โดยคาดว่ามีกำไรปกติอยู่ที่ 1.21 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อน โดยรวม core operation ยังดีจากการโอนที่โตทั้ง low-rise และคอนโดมิเนียม ขณะที่ครึ่งแรกปีนี้คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 161% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิพดเป็น 58% ของประมาณการกำไรทั้งปีนี้
ซึ่งคาดว่าอยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน
สำหรับ interim dividend ในครึ่งแรกปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 0.08 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield สูง 4% โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับกำไรสุทธิปีนี้เพิ่ม 19% มาที่ 5.5 พันล้านบาทดังกล่าว ซึ่งเป็นนิวไฮ โดยคาดโมเมนตัมของกำไรปติในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการโอนที่มากขึ้น
"เราชอบหุ้น SIRI จาก interim dividend ที่สูงกว่ากลุ่ม แนวโน้มกำไรปีนี้จะทำนิวไฮ และมีโอกาส upside ซึ่งส่วนทางกลุ่ม รวมถึงเป็นจุดเด่นจากการเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่ม low-rise ตลาดบน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงและยังโตได้"ฝ่ายวิจัยกรุงศรี พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์
**หุ้น PSH
ฝ่ายวิจัยมองหุ้น PSH โดยแนะนำขาย ให้ราคาเป้าหมายที่ 9.0 บาทต่อหุ้น เนื่องจากมีความกังวลต่อการเสียมาร์เก็ตแชร์กลุ่ม low-rise หลายปีที่ผ่านมา และแผนธุรกิจในปีนี้ที่ conservative กว่ากลุ่มฯ กดดันให้การกลับมาของกำไรทำได้ยาก โดยรอดูผลจากการกลับมา active เปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 4/66 เป็นต้นไป ซึ่งถ้าผลลัพธ์ดีขึ้น ค่อยเป็นโอกาสในการทบทวนประมาณการอีกครั้ง
โดยฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 158% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 70% จากไตรมาสก่อน ถึงแม้โตมาก จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่มาจาก extra gian จากการ swap หุ้น GEL ที่ต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมราว 540 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อพิจารณากำไรปกติ คาดที่ 570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 8% จากไตรมาสก่อน โดยรวมยังเป็นระดับที่ค่อนข้างต่ำ เพราะการโอนโดยเฉพาะ low-rise ยังไม่ดีนัก รวมถึงธุรกิจโรงพยาบาลคาดยังขาดทุนราว 80 ล้านบาท
คาดว่ากำไรปกติในครึ่งปีแรก อยู่ที่ 2.46 พันล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรกที่ 0.31 บาท เท่าปีก่อน คิดเป็น dividend yield เท่ากับ 2.3%