รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
15 สิงหาคม 2566 ( 09:40 )
101
เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่งตัว Sideways Up กรอบ 1,528-1,545 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือตัวเลข GDP 2Q23 ไทยวันนี้ รวมถึงตลอดสัปดาห์ให้ติดตามพัฒนาการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยซึ่งคาดว่ามีโอกาสได้ข้อสรุป คาดว่าจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่ม Domestic Play ได้ต่อเนื่องจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมาในระยะถัดไป คาดมีโอกาสหนุนให้กระแสเงินทุนต่างชาติมีโอกาสพลิกมาไหลเข้า 

 

ขณะที่กลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำคาดลดความร้อนแรงตามราคาน้ำมันที่ผ่อนลงหลังปรับตัวขึ้นกว่า 20% จากปลายเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ส่วนด้านผลประกอบการ 2Q23 ของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมเท่าที่ประกาศออกมาเกือบครบแล้ว แม้จะเป็นไตรมาสที่ไม่โดดเด่น แต่ออกมาดีกว่าที่คาดเล็กน้อยราว 3-4% และคาดว่าเป็นไตรมาสต่ำสุดของปีก่อนฟื้นตัวใน 2H23-2024 เราเชื่อว่าจะช่วยหนุนให้ SET Index ทยอยฟื้นตัวได้หลัง Underperform โลกอย่างมากในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน มิ.ย. 

 

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play และหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไร 2H23 แข็งแกร่ง//ถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมบริเวณ 1,500+- จุดไปแล้ว

หุ้นเด่นเดือนส.ค. : BA, BBL, NSL, RBF, TACC

(กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบของ FINANSIA SYRUS ดำรงตำแหน่งกรรมการของ BA)

 

หุ้นเด่นวันนี้ : MEGA

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 65 บาท

• กำไร 2Q23 แข็งแกร่ง หากตัดผลขาดทุนจาก FX จำนวนมากเพราะค่าเงินไนร่าอ่อนค่า และผลของ Dual currency rate ของค่าเงินจ๊าด MEGA มีกำไรปกติ 573 ลบ. +14% q-q, +3% y-y ทั้งที่หมดอานิสงส์จากโควิดแล้วและคู่ค้าในเมียนมาร์ลดลง 1 ราย ดีตามเราคาดแต่ดีกว่าตลาดคาด 8% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น เนื่องจากคู่ค้าในเมียนมาร์รายดังกล่าวมี Margin ต่ำ และยอดขาย Mega we care ที่โตต่อเนื่อง

• กำไรปกติ 1H23 คิดเป็น 45% ของคาดการณ์ทั้งปีที่เราคาด 2.4 พันลบ. +5% y-y แม้ 2H23 จะท้าทายแต่ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE เพียง 14 เท่า ต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี 

• แนวรับ 38//36.50 บาท แนวต้าน 40-41//42.50 บาท

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET มีโอกาส Sideway Up โดยมีแนวรับ 1,525 – 1,530 แนวต้าน 1,540 – 1,550 หลังการเมืองมีความชัดเจนขึ้น โดยมีโอกาสได้รัฐบาลใหม่ในช่วง ส.ค. แนะนำซื้อ BBL,SCB,KBANK,SCB / CPALL,BJC,ICHI / ADVANC,INTUCH,GULF/ SAWAD,MTC/ AMATA,WHA/ AOT,MINT,ERW เป็นกลุ่มคาดกำไรฟืนตัวได้ดีตอบรับรัฐบาลใหม่ และกลุ่มได้ประโยชน์ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีน เช่น SCGP,PTTGC,TOP,IVL,HANA,KCE

 

ERW* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.60 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q66 มีพลิกกำไร YoY ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน แต่ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล หนุนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง หลังสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย ส่งผลให้ ADR และ RevPar สูงกว่าช่วง Pre-Covid แล้ว ขณะที่ Budget Hotel – Hop Inn และโรงแรมในฟิลิปปินส์ฟื้นตัว QoQ ส่วนแนวโน้ม 3Q66 ยังเห็นโมเมนตัมการฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ, YoY โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากขึ้นใน 2H66 ส่วนทั้งปี ททท.ประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 66 ที่ 30 ล้านคน ช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทสามารถพลิกเป็นกำไรในปี 66 ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66 จะอยู่ที่ 523 ล้านบาท

 

MC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 15.70 บาท) คาดภาพรวมแนวโน้มการดำเนินงานในช่วง เม.ย.-มิ.ย.66 และ ก.ค.- ก.ย.66นี้(งวดบัญชี 4Q66 และ 1Q67) ยังจะมีแรงหนุนในสินค้าประเภทFashion จากการกลับเข้าสู่ชีวิตปกติ PostCovid-19 และการกลับมาของนักท่องเที่ยว ขณะที่ทาง MC* เองวางงบลงทุนปี67 ที่ 100 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่ 40 สาขา แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกของตนเองในช่องทางห้างฯ10 สาขา และ Mc Outlet 30 สาขา(ณ  31 มี.ค.2566 มี 100 สาขา) วางเป้ารายได้เติบโตราว +10-14% ทั้งจาก SSSG ที่คาดว่าจะเติบโตได้ double digit% และยอดขายสาขาใหม่ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ของ MC* ที่ 662 ลบ.(+36%YoY) และ 740 ลบ.(+12%YoY)  ตามลำดับ

 

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1525-1550 จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1,535.16 จุด /+0.30%) ด้านตลาดหุ้นผ่านการสะท้อนข่าวลบ-บวกไปมากแล้ว ความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ หายไปจากตลาดตอนนี้ หลังจากเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าคาด จึงคาดว่า Fed อาจจะเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

 

• จีนยังคงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ว่าจะมีความคืบหน้าในเรื่องของมาตรการเศรษฐกิจเพิ่มเติมขึ้นหรือไม่ ซึ่งจะเป็นสะท้อนมาถึงตลาดหุ้นไทยด้วย

 

• ตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน เข้าสู่ช่วงส่งงบวันสุดท้าย หลังจากรายงานงบจบ น่าจะมีแรงขายออกไป ในส่วนของการเมืองจะเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นอีกครั้ง เพราะใกล้ประชุมสภาฯ จับตาดู 16 ส.ค.ว่าศาลฯ จะรับญัตติโหวตนายกฯ ซ้ำหรือไม่

 

Strategy

• วันก่อนมีการเก็งกำไรในราคาหุ้นที่งบยังไม่ออกมา วันนี้(15) วันสุดท้าย หากกำไรไม่เป็นไปตามคาดอาจมีผลต่อราคาหุ้น นักลงทุนเลือกพิจารณาจบรอบของการเก็งงบ หากราคาขึ้นมามาก หุ้นที่ราคาขึ้นน้อย มีโอกาสในการเข้าลงทุนที่ดีกว่าหุ้นที่ราคาสูง

 

• หุ้นอิงการเมือง เราแนะนำให้รอดู 16 ส.ค. ว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะรับ/ไม่รับ กรณีพรรคก้าวไกลหาเสียง แก้ ม.112 เพราะจะมีผลต่อการโหวตนายกฯ ว่าจะล่าช้าหรือไม่

 

• นักลงทุนต่างประเทศ มีแนวโน้มจะขายทำกำไรหุ้นไทย หลังหุ้นใหญ่หลายตัวราคาขึ้นมามากเพราะงบดี และลดความเสี่ยงการเมือง ควรติดตามว่านักลงทุนกลุ่มนี้ จะขาย/ถือ หุ้นไทยต่อ

 

• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำ BH, TRUE* ออก และนำ SAWAD เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบไปด้วย SAWAD(10%), ORI(10%), AOT(10%) , BJC*(10%),  SICT*(10%)

 

Strategy Stock Pick

• วันก่อนมีการเก็งกำไรในราคาหุ้นที่งบยังไม่ออกมา วันนี้(15) วันสุดท้าย หากกำไรไม่เป็นไปตามคาดอาจมีผลต่อราคาหุ้น นักลงทุนเลือกพิจารณาจบรอบของการเก็งงบ หากราคาขึ้นมามาก หุ้นที่ราคาขึ้นน้อย มีโอกาสในการเข้าลงทุนที่ดีกว่าหุ้นที่ราคาสูง

• หุ้นอิงการเมือง เราแนะนำให้รอดู 18 ส.ค. ว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะรับ/ไม่รับ กรณีพรรคก้าวไกลหาเสียง แก้ ม.112 เพราะจะมีผลต่อการโหวตนายกฯ ว่าจะล่าช้าหรือไม่

• นักลงทุนต่างประเทศ มีแนวโน้มจะขายทำกำไรหุ้นไทย หลังหุ้นใหญ่หลายตัวราคาขึ้นมามากเพราะงบดี และลดความเสี่ยงการเมือง ควรติดตามว่านักลงทุนกลุ่มนี้ จะขาย/ถือ หุ้นไทยต่อ

 

Technical : BCH, ERW

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง