รีเซต

'ศรีสุวรรณ' ร้อง 'จุรินทร์' สอบดราม่าฟาร์มหมูระยอง​ ลั่นหากเพิกเฉย​จะร้องให้ ป.ป.ช.สอบ-ลงโทษ

'ศรีสุวรรณ' ร้อง 'จุรินทร์' สอบดราม่าฟาร์มหมูระยอง​ ลั่นหากเพิกเฉย​จะร้องให้ ป.ป.ช.สอบ-ลงโทษ
มติชน
19 มกราคม 2565 ( 12:50 )
66

ข่าววันนี้ 19​ มกราคม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้รายงานการสัมภาษณ์เจ้าของบรรทมฟาร์ม เลขที่ 33 ต.ห้วยยาง อ.แกลง จ.ระยอง ว่าหมูในฟาร์มกว่า 1,500 ตัว และฟาร์มใกล้เคียงที่เลี้ยงมา 5 เดือน ถึงเวลาขายแล้ว แต่ยังขายไม่ออก ซึ่งขายราคาหมูเป็น ราคากิโลกรัมละ 60 บาท ราคาถูกกว่าที่เป็นข่าวอยู่ในเวลานี้ แต่กลับไม่มีคนมาซื้อนั้น​ กรณีดังกล่าวกลายเป็นข่าวครึกโครมและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากของประชาชน ทำให้เป็นที่สงสัยกันอย่างมากว่าข้อมูลดังกล่าวมีข้อเท็จจริงเป็นเช่นใด ทำให้หลายคนมีความเข้าใจที่คาดเคลื่อนสงสัยถึงสาเหตุการขึ้นราคาเนื้อหมูว่าแท้จริงแล้ว หมูแพงเกิดจากปัจจัยอะไร​ กระทั่งเจ้าของฟาร์มหมูบรรทมฟาร์มดังกล่าวยอมออกมาพูดความจริงหลังจากนั้นว่าหมูของตนไม่ได้ขายให้คนนอก เพราะต้องขายคืนให้บริษัทคู่สัญญาเจ้าเดียวเท่านั้นในราคา 60 บาท/กก. เพราะได้ทำสัญญาประกันราคาไว้ ไม่ว่าราคาหมูจะขึ้น หรือลง ก็ขายได้ 60 บาท/กก.เท่านั้น

 

นายศรีสุวรรณ​กล่าวว่า​ ทั้งนี้ เนื่องจากสุกรและเนื้อสุกรถูกกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในใช้อำนาจตามความในมาตรา 9 (1) และมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ประกาศให้เป็นสินค้าควบคุม ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 8 พ.ศ.2564 เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม เพื่อประโยชน์ในการดูแลป้องกันการกำหนดราคาซื้อ ราคาจำหน่ายหรือการกำหนดเงื่อนไข และวิธีปฏิบัติทางการค้าอันไม่เป็นธรรม​ ดังนั้น กรณีที่มีบริษัทนายทุนใหญ่ไปจ้างเกษตรกรเลี้ยงหมูเป็นคู่สัญญากันหรือเป็นระบบเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) และรับซื้อหมูที่เลี้ยงโตเต็มที่คืนในราคา 60 บาท/กก. จึงเป็นข้อมูลที่ชี้ชัดได้ว่าราคาหมูที่จำหน่ายในท้องตลาดในขณะนี้ที่ราคา 200-300 กก.นั้น เป็นราคาที่ค้ากำไรเกินควร เอาเปรียบผู้บริโภคโดยชัดแจ้ง ซึ่งจะอ้างกลไกราคาตลาดไม่ได้ เพราะหมูเป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมาย

 

นายศรีสุวรรณ​กล่าวว่า​ เมื่อข้อมูลจากเกษตรกรชี้ชัดขนาดนี้แล้ว กรมการค้าภายในและ/หรือกระทรวงพาณิชย์ จะต้องลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเอากับเจ้าของบรรทมฟาร์มดังกล่าว เพื่อยืนยันข้อมูลและตรวจสอบบริษัทคู่สัญญาว่าเป็นบริษัทใด และเหตุใดเมื่อซื้อหมูมาในราคาถูกแล้วทำไมจึงนำไปจำหน่ายหรือชำแหละจำหน่ายขายส่งในราคาที่แพงเกินสมควร และหากเป็นการค้ากำไรเกินควร จะต้องมีบทลงโทษที่รวดเร็ว เด็ดขาด โดยต้องไม่เกรงใจกันหากเจ้าของบริษัทคู่สัญญาเป็นเจ้าพ่อในวงการเลี้ยงหมู่ 1 ใน 3 บริษัทขนาดใหญ่ของประเทศนี้

 

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้ทำคำร้องส่งไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและลงโทษตามอำนาจหน้าที่ หากยังเพิกเฉยสมาคมฯจะนำความไปยื่น ป.ป.ช.หรือฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง