หมอวรงค์เปิด 100 ว่าที่ผู้สมัครไทยภักดี ชูการเมืองสีขาวสู้เลือกตั้ง

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 พฤศจิกายน ที่โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ พรรคไทยภักดี นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี แถลงเปิดนโยบายหลักภายใต้แนวคิด “ยกเครื่องประเทศไทย ด้วยการเมืองสีขาว” พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ระบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อรวมประมาณ 100 คน ซึ่งถือเป็นชุดแรกก่อนประกาศรายชื่อเพิ่มเติมในช่วงใกล้เลือกตั้งปี 2569

นพ.วรงค์ระบุว่า ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งปี 2566 เป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้พรรคเร่งพัฒนาโครงสร้างงานและยืนหยัดในอุดมการณ์ต่อเนื่องตลอด 5 ปี ทำให้มีผู้ร่วมแนวคิดเพิ่มมากขึ้น พรรคไทยภักดีจึงพร้อมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในการลงสนามเลือกตั้งครั้งใหม่ ภายใต้จุดยืน “การเมืองสีขาว” ที่มุ่งต้านทุนสีเทาและการทุจริตทุกรูปแบบ

นโยบายเรือธงของพรรคประกอบด้วยการยกเครื่องปราบโกง เสนอให้บทลงโทษนักการเมืองโกงงบตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไปถึงขั้นประหารชีวิตโดยไม่ให้สิทธิขอพระราชทานอภัยโทษ รวมถึงแนวทางปฏิรูปตำรวจเพื่อตัดวงจรส่วยและอิทธิพลสีเทา การยกเลิก MOU 43–44 เพื่อปกป้องอธิปไตย การปฏิรูปกองสลากฯ ให้โควตากลับสู่ผู้พิการจริง การปรับโครงสร้างราคาข้าวโดยประกันราคาข้าวเจ้าตันละ 10,000 บาท และข้าวหอมมะลิตันละ 15,000 บาท ตลอดจนการยกเครื่องด้านแรงงาน พลังงาน และสาธารณสุข ให้ตอบโจทย์ความเป็นธรรมและมาตรฐานใหม่ของประเทศ

นพ.วรงค์เปิดเผยว่า พรรคเตรียมส่งผู้สมัคร ส.ส. ประมาณ 150–200 เขตทั่วประเทศ โดยเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคใต้เป็นหลัก ส่วนพื้นที่ที่ประเมินว่าทุนสีเทามีอิทธิพลเกินกว่าที่ประชาชนจะต่อสู้ได้อย่างเป็นธรรม พรรคจะไม่ส่งผู้สมัครเพื่อป้องกันการแข่งขันที่ไม่เสมอภาค

ว่าที่ผู้สมัครล็อตแรกรวมบุคลากรหลากหลายสาขา ทั้งอดีตผู้พิพากษา นายตำรวจ นักธุรกิจ เกษตรกรรุ่นใหม่ ผู้นำแรงงาน คนพิการ และคนรุ่นใหม่ โดยพรรคมองว่าการผสมผสานความรู้และประสบการณ์เหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันการยกเครื่องประเทศในทุกด้าน ตั้งแต่นิติรัฐ เศรษฐกิจฐานราก ความมั่นคง ไปจนถึงการเมืองที่โปร่งใส

นพ.วรงค์ย้ำว่าการเลือกตั้งปี 2569 คือโอกาสให้ประชาชนประเมินความผิดพลาดในอดีต และลงโทษนักการเมืองที่สร้างความวิบัติแก่ประเทศ พร้อมขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้เหตุผลมากกว่ากระแส เพื่อสร้างระบบการเมืองที่สะอาดและยั่งยืน พรรคไทยภักดีมองว่าหากใช้เกณฑ์ประเมินอย่างรอบด้าน จะสามารถแข่งขันกับทุกพรรคในสนามเลือกตั้งได้

สำหรับไทม์ไลน์การยุบสภา นพ.วรงค์ประเมินว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาจเลือกยุบสภาในช่วงใกล้เปิดประชุม 12 ธันวาคมนี้ เนื่องจากเป็นจังหวะที่ฝ่ายรัฐบาลมีความพร้อมมากกว่าฝ่ายตรงข้าม และอาจใช้ช่วงที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นโอกาสชิงความได้เปรียบทางการเมือง