TNN TECH FORUM 2025 เปิดมุมมอง “Future Food” อาหารแห่งอนาคต เทคโนโลยีเพื่อชีวิตยืนยาว

ในยุคที่เทคโนโลยีถูกนำมาออกแบบทุกมิติของชีวิต “อาหาร” คือสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดและอาจกลายเป็นเทคโนโลยีเพื่อการมีอายุยืนยาว (Longevity Tech) ที่เข้าถึงได้จริงที่สุด
วันที่ 9 ตุลาคม 2568 บนเวที TNN TECH FORUM 2025 Designing Your Longevity ให้เทคโนโลยีออกแบบชีวิตคุณ ในหัวข้อ “Future Food for Future Longevity” ที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามเพราะเป็นเรื่องที่ “ใกล้ตัวที่สุด” ของเทคโนโลยีเพื่อชีวิตยืนยาว หรือ Longevity Tech ซึ่งเริ่มต้นง่าย ๆ จาก “สิ่งที่เรากินทุกวัน”
วงสนทนานี้เป็นการร่วมสนทนากับสองผู้เชี่ยวชาญ ผศ. ดร.เมธา มีแต้ม ผู้ก่อตั้งและ Chief Technologist บริษัท แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม จำกัด และ คุณสันติ อาภากาศ ผู้ร่วมก่อตั้ง TasteBud Lab และ Bio Buddy
อาหารคือ “Longevity Tech” ที่ใกล้ตัวที่สุด
ผู้ร่วมเสวนาทั้งสองเห็นตรงกันว่า “อาหาร” คือเทคโนโลยีเพื่อชีวิตยืนยาวที่อยู่ใกล้ตัวและเข้าถึงง่ายที่สุด เพราะเราต้อง “บริโภค” มันทุกวัน แต่ในอนาคต อาหารจะไม่ใช่แค่สิ่งที่อร่อยหรืออิ่มท้องเท่านั้น แต่จะต้องตอบโจทย์ “สุขภาพของคน สุขภาพของโลก และความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจ”
โดยในวงสนทนา คุณสันติ อาภากาศ ได้เปิดประเด็นว่า ปัจจุบันระบบอาหารทั่วโลกกำลังแบกรับภาระมหาศาล ทั้งจากวิกฤติสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางอาหาร และการเปลี่ยนผ่านของภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจ (Geo-Economics) “Future Food” จึงมีความจำเป็นที่ต้องเข้ามาช่วยออกแบบอนาคตใหม่ของการกินบนโลกใบนี้
สี่แนวทางของ “อาหารแห่งอนาคต”
ในวงสนทนานี้ ได้เล่าถึง 4 กลุ่มเทคโนโลยีอาหารแห่งอนาคต โดย Future Food ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่
Functional Food และ Functional Drink
อาหารและเครื่องดื่มที่มีสารออกฤทธิ์เฉพาะ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันหรือบำรุงสุขภาพ เช่น วิตามินซี เบต้ากลูแคน หรือสารต้านอนุมูลอิสระPersonalized Nutrition และ Medical Food
อาหารเฉพาะบุคคล (Personalized Nutrition) ซึ่งใช้ข้อมูลสุขภาพ เช่น DNA, Biomarker และข้อมูลจากอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable) เพื่อออกแบบเมนูที่เหมาะสมกับร่างกายแต่ละคนAlternative Protein (โปรตีนทางเลือก)
โปรตีนจากพืช แมลง เห็ด หรือเนื้อเพาะจากเซลล์ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการพึ่งพาเนื้อสัตว์และลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของโลกRegenerative Food (อาหารฟื้นฟูโลก)
อาหารที่ไม่เพียงดีต่อร่างกาย แต่ยังดีต่อระบบนิเวศ ฟื้นฟูดิน น้ำ และธรรมชาติในกระบวนการผลิต
โดย คุณสันติ อาภากาศ ได้กล่าวว่า “อย่ามองฟิวเจอร์ฟู้ดเป็นแค่อาหาร แต่ให้มองเป็น Solution ของเทคโนโลยี ที่จะแก้ปัญหาสุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน”
วิทยาศาสตร์ชี้ชัด “กินดีช่วยยืดอายุได้จริง”
ด้าน ผศ. ดร.เมธา มีแต้ม ยกผลการวิจัยจากอังกฤษที่ศึกษาคนกว่า 700,000 คน พบว่า การรับประทานอาหารที่ดีและหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปสามารถ “ยืดอายุได้จริง” โดยยกตัวอย่างว่า
หากเริ่มดูแลตั้งแต่อายุ 40 ปี จะช่วยยืดอายุได้เฉลี่ย 10 ปี
หากเริ่มตอนอายุ 70 ปี ยังเพิ่มอายุได้ถึง 5 ปี
ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ยังสามารถคำนวณ “ค่าผลกระทบต่ออายุขัย” ของอาหารแต่ละชนิดได้ เช่น
ถั่ว 1 มื้อ อาจยืดอายุประมาณ 30 นาที
ฮอตด็อก 1 มื้อ อาจลดอายุประมาณ 35–40 นาที
โดย ดร.เมธาอธิบายว่าแนวคิดนี้เกิดจากฐานข้อมูลชีวโมเลกุล (Biological Data) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเปิดทางให้เทคโนโลยีสามารถวัดความสัมพันธ์ระหว่าง “สารอาหาร” กับ “อายุขัย” ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ทำไมโปรตีนจากพืชช่วยให้เราอายุยืน
ทั้งนี้ ดร.เมธาได้อธิบายเพิ่มเติมว่าในเชิงวิทยาศาสตร์พบว่า กรดอะมิโน “เมไทโอนีน (Methionine)” ซึ่งพบมากในเนื้อสัตว์ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการชะลอความชรา การลดการบริโภคเมไทโอนีนจึงช่วยยืดอายุได้
อาหารจากพืชซึ่งมีเมไทโอนีนน้อยกว่าเนื้อสัตว์ จึงเป็นอีกเหตุผลที่ “โปรตีนจากพืช” ถูกมองว่าเป็นหัวใจของ Future Food ที่ยั่งยืนทั้งต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม
“ผำ (Wolffia)” ซูเปอร์ฟู้ดของไทย สู่เวทีโลก
ผศ. ดร.เมธา ยังเล่าถึงงานวิจัยที่ตนพัฒนามานานกว่า 10 ปี เกี่ยวกับ “ผำ (Wolffia)” พืชน้ำขนาดเล็กที่คนไทยรู้จักกันดี แต่ในต่างประเทศถูกยกให้เป็น “ซูเปอร์ฟู้ดแห่งอนาคต”
โดยผำมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าผักหลายชนิด ไม่ว่าจะโปรตีนสูงกว่าผักเคล มีวิตามิน B12 ในระดับสูง (ซึ่งพบได้ยากในพืช) มีไฟเบอร์และเบต้ากลูแคน และมีรสอูมามิธรรมชาติ
ซึ่ง แอดวานซ์ กรีนฟาร์มได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเพาะเลี้ยงผำแบบควบคุมสารอาหาร ใช้พลังงานและน้ำต่ำ และสามารถตรวจสอบคุณภาพได้แบบเรียลไทม์ พร้อมแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภค เพื่อให้ “ของดี” จากท้องถิ่นเข้าถึงตลาดโลก
AI และ Data จะออกแบบการกินของมนุษย์ในอนาคต
ผู้ร่วมเสวนาทั้งสองเห็นตรงกันว่า อีกไม่นาน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI และฐานข้อมูลสุขภาพจะกลายเป็นเครื่องมือหลักในการ “ออกแบบการกินเฉพาะบุคคล” ซึ่ง AI จะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์สวมใส่ การตรวจเลือด หรือข้อมูล DNA ได้เพื่อแนะนำเมนูเฉพาะบุคคล (Personalized Menu) ที่ตอบโจทย์ทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
โดยผศ. ดร.เมธา มีแต้ม ได้กล่าวว่า “ต่อไปอาหารจะไม่ใช่แค่การกินเพื่ออยู่ แต่จะเป็นการกินอย่างมีข้อมูล และอยู่เพื่อยืนยาว”
ท้ายนี้เวทีเสวนาปิดท้ายด้วยการเน้นย้ำว่า “อาหาร” จะกลายเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยี Longevity เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ และเป็นจุดเชื่อมระหว่างสุขภาพของมนุษย์กับสุขภาพของโลก
โดยคุณสันติ อาภากาศ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า "จากคำว่า Disruption สู่ Symbiosis Future Food คือเทคโนโลยีที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล"
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
