WHAUPดีมานด์ขยายตัว ลุ้นยอดซื้อขายไฟทะลุเป้า

WHAUP มองความต้องการใช้งานน้ำและพลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2566ตามการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม จับตาลุ้นยอดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสะสมอาจทะลุเป้าหมายที่วางไว้ โบรกแนะ"ซื้อ" เคาะราคา 5 บาท กำไรธุรกิจหลักโค้ง 2/2566 โต 10%

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2566ของทั้งธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและน้ำ ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง หลักๆ เป็นผลมาจากความต้องการใช้งานทั้งน้ำและพลังงานไฟฟ้าตามการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม

สัญญาใหม่ทะลุเป้า

นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าในการนำเอานวัตกรรมโซลูชั่นต่างๆ เพื่อต่อยอดและพัฒนาสินค้า โดยเฉพาะ การพัฒนา Value Added Product รวมถึงบริการให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทั้งในด้านสาธารณูปโภครูปแบบใหม่ๆ และด้านพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานสะอาดรูปแบบอื่นๆ สร้างโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว

รวมทั้งยังเป็นการช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งและสิ่งแวดล้อม โดยสามารถลดการใช้น้ำดิบจากแหล่งน้ำธรรมชาติและลดการปล่อยน้ำเสียออกจากนิคมอุตสาหกรรมได้อย่างมีนัย อย่างไรก็ดี ในช่วงที่เหลือของปี 2566  บริษัทยังมีคงมีโอกาสในการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) กับลูกค้าอีกรายหลาย ทำให้มั่นใจว่าเป้าหมายยอดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสะสมจะบรรลุหรือทะลุเป้าหมายที่วางไว้

ส่วนกรณีพิพาทบริษัท เก็คโค่-วัน จำกัด (Gheco-one) ที่สืบเนื่องมาจากการที่ กฟผ. (EGAT) ได้มีคำสั่งให้ Gheco-one หยุดการผลิตไฟฟ้าโดยยังได้รับค่าความพร้อมจ่าย (Reserve shutdown) ตั้งแต่เดือนมีนาคม-ตุลาคม 2566 เป็นอย่างน้อย ทาง Gheco-one จึงใช้สิทธิ์ตามสัญญา CSTAs ระงับการซื้อถ่านหินจาก AVRA นั้น การระงับการสั่งซื้อดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในสัญญา CSTAs ซึ่งระบุว่าสามารถระงับการสั่งซื้อได้หากเป็นผลจากคำสั่งลดการผลิตไฟฟ้าจาก EGAT ซึ่งทำให้ความต้องการถ่านหินลดลง จากนี้คงอาจรอดูว่าจะสามารถเจรจาหรือหาข้อตกลงร่วมกันให้ลงตัวได้เช่นไรบ้าง เบื้องต้นไม่น่ากังวลแต่อย่างใดและไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและผลการดำเนินงาน

ส่องราคาพื้นฐาน 5 บ.

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทางฝ่ายคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5 บาท โดยคาดกำไรธุรกิจหลัก 384 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกปี 2566 เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และคิดเป็น 44%ของปี 2566 ของทางฝ่าย WHAUP จะประกาศผลการดำเนินงานวันที่ 10 สิงหาคม อย่างไรก็ดี กำไรทั้งหมดจะมาจากโครงการ SPP ทางฝ่ายคาดส่วนแบ่งกำไร SPP จะเพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และ 5%จากไตรมาสก่อน เป็น 184 ล้านบาท จากส่วนต่างของราคาขายไฟฟ้าและต้นทุนก๊าซธรรมชาติสูงขึ้น

ทางฝ่ายคาด Gheco-One จะไม่มีกำไร เนื่องจากได้รับคำสั่งจาก กฟผ. ให้หยุดจ่ายไฟฟ้าในช่วงเดือนมีนาคม-ตุลาคม โดยยังได้รับรายได้ค่าความพร้อมจ่าย (AP) ซึ่งครอบคลุมต้นทุนคงที่ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และการชำระคืนหนี้เงินต้น นอกจากนี้ คาดรายได้ธุรกิจ Solar Rooftop ที่ 127 ล้านบาท จาก COD เพิ่ม 20 MW+ ในไตรมาส 2/2566ทำให้ COD สะสมเป็น 114 MW+ บริษัทเซ็นสัญญา PPA เพิ่ม 19.2 MW ในไตรมาส 2/2566 ทำให้ PPA รวมเป็น 171 MW

หากรวมกำลงการผลิต 125.4 MW ของโครงการที่ชนะการประมูลของ ERC จะทำให้ PPA เพิ่มเป็น 297 MW ซึ่งมีโอกาสสูงกว่าเป้า 300 MW ขณะที่ยอดขายน้ำคาดลดลง 1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่รายได้เพิ่มขึ้น 3% จากการปรับขึ้นค่าน้ำตั้งแต่มกราคม 2566แต่ปริมาณยอดขายน้ำจะเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน จากอุปสงค์ที่เติบโตทั้งน้ำดิบและน้ำเสีย ทางฝ่ายคาด Song Duong River จะขาดทุน 23 ล้านบาท เท่าไตรมาสก่อนหน้า