ส่องนโยบายรัฐบาล “เศรษฐา” นำทีมแถลงรัฐสภา
การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา ถือเป็น สำหรับสถานีต่อไป ของ รัฐบาลภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” ซึ่งได้มีการวางกรอบเวลาการอภิปรายไว้ 2 วัน คือ วันที่ 11-12 กันยายน รวม 30 ชั่วโมง
เนื้อหาสาระของร่างคำแถลงนโยบายนี้ ระบุว่า เพื่อแก้ปัญหา สร้างความพร้อม และวางรากฐานอนาคตให้กับคนไทยทุกคน รัฐบาล จึงวางกรอบนโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน ได้แก่ กรอบระยะสั้น รัฐบาลมีความจำเป็นต้องกระตุ้นการใช้จ่าย จุดประกายให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง ประกอบกับการเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ของประชาชนอย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว ส่วน กรอบระยะกลางและระยะยาวนั้น รัฐบาลจะส่งเสริมขีดความสามารถให้กับประชาชน ผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้กับประชาชนทุกคน
โดยนโยบายเร่งด่วน 5 ข้อ ของ "รัฐบาลเศรษฐา 1" ที่เตรียมแถลง ประกอบด้วย 1. การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 2.การแก้ปัญหาหนี้สินภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน 3.ลดค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง 4.การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และ 5. แก้ปัญหาความเห็นต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายนโยบายสำคัญ ไม่ว่าจะ การวางเป้าเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ , การยกระดับบัตร 30 บาทรักษาได้ทุกโรงพยาบาลด้วยบัตรประชาชนใบเดียว, การสานต่อนโยบายความเป็นกลางคาร์บอน รวมถึงนโยบายด้านการศึกษา ที่ระบุชัดเจนว่า รัฐบาลจะส่งเสริมนโยบายด้านการศึกษาให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
อีกหนึ่งนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ต้องจับตา คือ โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) 10,000 บาท ให้กับประชาชนคนไทย อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ใช้ในรัศมี 4 กิโลเมตร ภายใน 6 เดือน ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องใช้งบประมาณสูงกว่า 5.6 แสนล้านบาท นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกมาพูดถึงที่มาของเงิน ว่า "ถ้าจะยืมเงินรัฐวิสาหกิจ 5 แสนล้านบาท กรอบวินัยการเงินการคลังตามกฎหมายให้ยืมได้แค่ 32% ของงบฯ หรือประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้เกือบเต็มแล้ว ต้องขยายเพดานเป็น 45% ของงบฯ ถือเป็นการประเดิมงานแรกของนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ด้วยการทลายกรอบวินัยการเงินการคลัง
ซึ่งงานนี้หนีไม่พ้นถูกจับผิดจากพรรคก้าวไกล ที่ได้เปิดฉากวิจารณ์ว่า คำแถลงของรัฐบาลที่เปิดออกมา ไม่มีนโยบายหาเสียงที่พรรคเพื่อไทยเคยประกาศไว้หลายเรื่อง เช่น รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย, เติมรายได้ให้ทุกครอบครัวไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน, ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวันภายในปี 2570 รวมถึงการันตีเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี ที่ 25,000 บาทต่อเดือนภายในปี 2570 ซึ่งตั้งข้อสังเกคว่า มีหลายนโยบายที่หล่นหายไป แต่อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกล ได้เตรียม 30 ขุนพลฝีปากกล้า เตรียมอภิปราย พร้อมยืนยัน จะอภิปรายร่างนโยบายในกรอบครบทุกมิติ และจะไม่ใช้เวทีนื้ เป็นเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซักฟอกรัฐบาล ขณะที่ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมพร้อมอภิปรายครบทั้ง 3 ด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งมี สส.ในพรรคแสดงความจำนงที่จะอภิปรายไว้ 15 คน
ทั้งนี้ที่ประชุม คณะกรรมการประสานงานร่วม 3 ฝ่าย (วิป 3 ฝ่าย) ได้มีการวางกรอบเวลาการอภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาล ของที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 11-12 ก.ย. 2566 รวม 2 วัน 30 ชั่วโมง โดยแบ่งออกเป็น ประธานรัฐสภา 1 ชั่วโมง , คณะรัฐมนตรี 5 ชั่วโมง, สมาชิกวุฒิสภา 5 ชั่วโมง, รัฐบาล 5 ชั่วโมง และ ฝ่ายค้านอีก 14 ชั่วโมง
งานนี้ต้องจับตาว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาล "เศรษฐา 1" จะได้รับเสียงตอบรับจากสังคมไทยมากน้อยแค่ไหน และเวลา 4 ปี นับจากนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ผลงานของรัฐบาลชุดนี้ ว่าเข้าตาประชาชนมากแค่ไหน
เรียบเรียงโดย
ปุลญดา บัวคณิศร