รีเซต

เมื่อนาซาวางแผนสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนดวงจันทร์ท่ามกลางการแข่งขันด้านอวกาศครั้งใหม่

เมื่อนาซาวางแผนสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนดวงจันทร์ท่ามกลางการแข่งขันด้านอวกาศครั้งใหม่
TNN ช่อง16
15 สิงหาคม 2568 ( 14:46 )
13

ยุคใหม่ของการสำรวจอวกาศได้เปลี่ยนจากการแข่งขันเพื่อปักธงและสร้างรอยเท้าบนดวงจันทร์ ไปสู่การแข่งขันเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานถาวรบนดวงจันทร์ ซึ่งหัวใจสำคัญของภารกิจนี้ คือ แหล่งพลังงานที่มั่นคงบนดวงจันทร์

โดยองค์การนาซา สหรัฐอเมริกา ได้วางเป้าหมายที่จะมีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของตนเองปฏิบัติงานได้ภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งโครงการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นผลจากการพัฒนาเทคโนโลยีระบบพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็กที่ดำเนินมานานหลายปี

ในขณะที่หน่วยงานด้านอวกาศจีนได้ประกาศแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนดวงจันทร์ภายในปี พ.ศ. 2578 เพื่อสนับสนุนสถานีวิจัยนานาชาติบนดวงจันทร์

กรอบกฎหมายที่มีอยู่รองรับการใช้พลังงานนิวเคลียร์


การใช้พลังงานนิวเคลียร์ในอวกาศไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นและไม่ได้ผิดกฎหมาย ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตต่างใช้เครื่องกำเนิดไอโซโทปรังสีเพื่อจ่ายพลังงานให้แก่ดาวเทียมและยานสำรวจมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503

นอกจากนี้ หลักการของสหประชาชาติปี พ.ศ. 2535 ยังยอมรับความจำเป็นของแหล่งพลังงานนิวเคลียร์สำหรับภารกิจที่พลังงานแสงอาทิตย์ไม่เพียงพอ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางด้านความปลอดภัยและความโปร่งใส 

ปัจจุบัน แม้จะไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศที่ห้ามการใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติบนดวงจันทร์ แต่ประเทศที่ทำสำเร็จเป็นรายแรกอาจสามารถกำหนดบรรทัดฐานและแนวทางการตีความกฎหมายในอนาคตได้

ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของการเป็นผู้ริเริ่ม


สนธิสัญญาอวกาศปี พ.ศ. 2510 ซึ่งทุกประเทศมหาอำนาจด้านอวกาศได้ให้สัตยาบัน กำหนดให้ทุกรัฐต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐอื่น ในทางปฏิบัติ การติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของประเทศหนึ่งจะทำให้ประเทศอื่นต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างเขตอิทธิพล 

แม้สนธิสัญญาจะห้ามการอ้างสิทธิ์ในดินแดน แต่ก็ยอมรับสิทธิ์ในการจัดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งหมายถึงการมีอำนาจควบคุมการเข้าถึงพื้นที่นั้นได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้น การสร้างโครงสร้างพื้นฐานจึงไม่ใช่การอ้างกรรมสิทธิ์ แต่เป็นการกำหนดทิศทางว่าใครสามารถทำอะไรและที่ไหนได้บ้าง

โครงสร้างพื้นฐานคืออำนาจและอิทธิพล


การสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เป็นการแสดงตนและสร้างอิทธิพลในพื้นที่นั้น ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อุดมด้วยทรัพยากรอย่างขั้วใต้ของดวงจันทร์ ซึ่งเชื่อกันว่ามีน้ำแข็งที่สามารถนำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงจรวดและสนับสนุนฐานที่มั่นได้ 

การมีโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณดังกล่าวจะช่วยให้ประเทศที่ส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์เข้าถึงทรัพยากร และอาจกีดกันประเทศอื่นโดยปริยาย แม้จะมีความกังวลเรื่องความเสี่ยงจากรังสี แต่แนวทางของสหประชาชาติได้กำหนดมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้แล้ว

เหตุผลที่ต้องเป็นพลังงานนิวเคลียร์


ก่อนหน้านี้พลังงานแสงอาทิตย์ดูเหมือนจะถูกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนอวกาศ แต่มันมีข้อจำกัดร้ายแรงบนดวงจันทร์ เนื่องจากมีช่วงเวลากลางคืนที่ยาวนานถึง 14 วัน และในบางพื้นที่สำคัญ เช่น หลุมอุกกาบาตที่มืดมิดตลอดกาลซึ่งเป็นแหล่งน้ำแข็ง แสงอาทิตย์ก็ไม่สามารถส่องถึงได้เลย 

ในทางกลับกัน เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กสามารถให้พลังงานได้อย่างต่อเนื่องนานนับทศวรรษ เพื่อหล่อเลี้ยงที่อยู่อาศัย ยานสำรวจ และระบบช่วยชีวิต ทำให้เทคโนโลยีนิวเคลียร์กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับภารกิจระยะยาวทั้งบนดวงจันทร์และดาวอังคาร

โอกาสในการเป็นผู้นำด้านอวกาศ


อนาคตของดวงจันทร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครปักธง แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างอย่างไร สหรัฐฯ หรือประเทศผู้นำอื่น ๆ มีโอกาสที่จะไม่ได้เป็นผู้นำแค่ด้านเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงการสร้างธรรมาภิบาลที่ดี ด้วยการเปิดเผยแผนการอย่างโปร่งใสและยืนยันเจตนารมณ์ในการใช้งานอย่างสันติ 

ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเป็นการกระตุ้นให้ประเทศอื่นปฏิบัติตาม ท้ายที่สุดแล้ว เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไม่ใช่การประกาศสงคราม แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสดงอำนาจและอิทธิพลในยุคต่อไปของการสำรวจอวกาศ

อนาคตของดวงจันทร์ไม่ได้ถูกกำหนดโดยการปักธง แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้สร้างโครงสร้างพื้นฐานและสร้างขึ้นอย่างไร ประเทศมหาอำนาจจึงมีโอกาสเป็นผู้นำไม่เพียงแต่ในด้านเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงการสร้างบรรทัดฐานที่ดีผ่านความโปร่งใสและการใช้งานอย่างสันติ 

โดยท้ายที่สุดแล้ว เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไม่ใช่การประกาศสงคราม แต่คือ โครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสดงอำนาจและอิทธิพลในยุคใหม่ของการสำรวจอวกาศ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง