ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยเปลวสุริยะระดับ X1.1 ส่งผลสัญญาณวิทยุดับวูบทั่วออสเตรเลียและบางประเทศในอาเซียน

วันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบการสื่อสารบนโลก เมื่อดวงอาทิตย์มีการปลดปล่อยเปลวสุริยะ (Solar Flare) ในระดับรุนแรงสูงสุด หรือที่เรียกว่าระดับ X-class ส่งผลให้เกิดวิทยุดับ (Radio Blackout) เป็นวงกว้าง ครอบคลุมพื้นที่ทวีปออสเตรเลียและบางส่วนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นซีกโลกที่หันรับแสงอาทิตย์อยู่ในขณะที่เกิดการปะทุดังกล่าว
เหตุการณ์ระเบิดอันทรงพลังนี้ได้รับการยืนยันว่ามีความรุนแรงอยู่ที่ระดับ X1.1 โดยมีจุดกำเนิดมาจากบริเวณจุดดับบนดวงอาทิตย์ (Sunspot) หมายเลข AR4298 การปะทุไต่ระดับขึ้นสู่จุดสูงสุดเมื่อเวลา 00:01 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ซึ่งจากการสังเกตการณ์พบว่าจุดดับ AR4298 นี้กำลังเคลื่อนตัวไปทางขอบตะวันตกของดวงอาทิตย์ และคาดว่าจะหมุนเลื่อนหายไปจากมุมมองที่สังเกตได้จากโลกภายในระยะเวลาไม่กี่วันข้างหน้านี้
นอกจากการปลดปล่อยแสงวาบที่รุนแรงแล้ว การปะทุครั้งนี้ยังส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์การระเบิดมวลโคโรนา (Coronal Mass Ejection หรือ CME) ซึ่งเป็นการซัดก้อนพลาสมาและสนามแม่เหล็กมหาศาลออกสู่อวกาศไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายเบื้องต้นผ่านเครื่องโคโรนาแกรฟ (Coronagraph) ดาวเทียมเฝ้าระวังดวงอาทิตย์ ข้อมูลชี้ชัดว่าทิศทางของมวลโคโรนาจากการระเบิดครั้งล่าสุดนี้ ไม่ได้พุ่งเป้าตรงมายังโลกโดยตรง จึงอาจคลายความกังวลเรื่องผลกระทบทางกายภาพที่รุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานดาวเทียม
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์นี้ยังคงอยู่ในภาวะที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากดวงอาทิตย์มีความตื่นตัวสูงมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยนักพยากรณ์อากาศอวกาศจากศูนย์พยากรณ์สภาพอากาศอวกาศขององค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NOAA) รวมถึงสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งสหราชอาณาจักร (UK Met Office) ได้ออกประกาศเตือนภัยล่วงหน้า
โดยคาดการณ์ว่าจะมีมวลโคโรนา (CME) หลายระลอกจากการปะทุของเปลวสุริยะที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เดินทางมาปะทะกับสนามแม่เหล็กโลกในช่วงระหว่างวันที่ 8-9 ธันวาคม การปะทะดังกล่าวอาจกระตุ้นให้เกิดพายุแม่เหล็กโลก (Geomagnetic Storm) ในระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือระดับ G2 ถึง G3 ซึ่งความรุนแรงระดับนี้อาจทำให้ผู้คนในพื้นที่ละติจูดสูงไปจนถึงละติจูดกลางสามารถมองเห็นปรากฏการณ์แสงเหนือหรือออโรราได้ชัดเจนกว่าปกติ
และเพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงความรุนแรงของปรากฏการณ์นี้มากยิ่งขึ้น จำเป็นต้องขยายความเกี่ยวกับธรรมชาติของ "เปลวสุริยะ" โดยเปลวสุริยะนั้นคือปรากฏการณ์การระเบิดใหญ่บนชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ เกิดขึ้นเมื่อพลังงานแม่เหล็กที่สะสมอยู่เกิดการปลดปล่อยออกมาอย่างฉับพลันในรูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นสูง นักดาราศาสตร์ได้จัดแบ่งระดับความรุนแรงของเปลวสุริยะโดยใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นเกณฑ์ ได้แก่ ระดับ A, B, C, M และระดับที่รุนแรงที่สุดคือ X
ในระบบการแบ่งระดับนี้ ระดับ A และ B ถือเป็นระดับที่อ่อนมากและแทบไม่ส่งผลกระทบต่อโลก ระดับ C มีความรุนแรงเล็กน้อย ส่วนระดับ M นั้นจะมีความรุนแรงน้อยกว่าระดับ X ถึง 10 เท่า ในขณะที่ระดับ X หรือ X-class ถือเป็นระดับสูงสุดที่สามารถสร้างผลกระทบในวงกว้างได้ โดยในแต่ละระดับยังมีการใช้ตัวเลขระบุความเข้มข้นย่อยลงไปอีก ซึ่งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา วัดค่าได้ที่ระดับ X1.1 จึงจัดเป็นเหตุการณ์ระดับรุนแรงที่ต้องจับตามอง
สำหรับคำถามที่ว่าปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์ที่ห่างไกล สามารถทำให้วิทยุบนโลกดับได้อย่างไรนั้น อธิบายได้ตามหลักการวิทยาศาสตร์ว่า เมื่อรังสีจากการปะทุของเปลวสุริยะเดินทางมาถึงโลกด้วยความเร็วแสง รังสีเหล่านี้จะเข้าไปรบกวนชั้นบรรยากาศชั้นบนของโลกไอโอโนสเฟียร์" (Ionosphere) ทำให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออนอย่างรุนแรง
ในสภาวะปกติ คลื่นวิทยุความถี่สูง (HF) ที่เราใช้ในการสื่อสารระยะไกลจะเดินทางโดยการสะท้อนกลับจากชั้นไอโอโนสเฟียร์ที่อยู่สูงและเบาบาง แต่เมื่อเกิดเปลวสุริยะ ชั้นบรรยากาศในระดับที่ต่ำลงมาและมีความหนาแน่นมากกว่าจะเกิดการแตกตัวเป็นไอออน ทำให้แทนที่คลื่นวิทยุจะสะท้อนกลับเพื่อส่งสัญญาณ มันกลับวิ่งชนอนุภาคที่มีความหนาแน่นเหล่านั้นและสูญเสียพลังงานไป หรือถูกดูดซับสัญญาณไปจนหมด ส่งผลให้สัญญาณวิทยุเกิดอาการจางหาย ผิดเพี้ยน หรือดับลงโดยสิ้นเชิงในชั่วขณะที่เกิดการปะทุ ดังที่เกิดขึ้นในออสเตรเลียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั่นเอง
เปลวสุริยะ X1.1 ที่เกิดขึ้นฉับพลันมาจากบริเวณจุดดับบนดวงอาทิตย์ 4298 เครดิตภาพ: ศูนย์พยากรณ์สภาพอากาศอวกาศ NOAA
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
