หมอโอภาส เปิดไทม์ไลน์ โอไมครอนรายแรก ชี้ ผู้สัมผัสน้อย ยัน วัคซีนยังกันตายได้ ดีกว่าไม่ฉีด
6 ธันวาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในการแถลงข่าวพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในไทย ว่า กรณีหญิงแอฟริกาที่พบเชื้อโควิด-19 รักษาในสถาบันบำราศนราดูร ไม่ใช่โอไมครอน แต่เป็นเดลต้า ขณะนี้รักษาตัวอยู่ ไม่มีปัญหาอะไร
นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับเคสยืนยันรายแรกว่าเป็นโอไมครอน เป็นชายอายุ 35 ปี สัญชาติอเมริกัน อาศัยอยู่ในสเปนมา 1 ปี เป็นนักธุรกิจ ไม่มีโรคประจำตัว และเป็นผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ เดินทางมาประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 พ.ย. โดยวันที่ 28 พ.ย. ได้ตรวจเชื้อด้วย PCR แต่ไม่พบเชื้อ จึงเดินทางมาไทย ซึ่งตรงนี้ตามเกณฑ์ของไทยว่า จะเข้ามาต้องตรวจเชื้อก่อน 72 ชั่วโมงไม่พบจึงเข้ามาได้ ซึ่งมาถึงเราได้ตรวจอีกครั้งและพบเชื้อวันที่ 1 ธ.ค. และส่งยืนยันกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เช่นกัน โดยรายนี้อาการน้อยมาก แทบไม่มีอาการ
“คนนี้ไม่มีอาการ และไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ตอนแรกรับผลเลือด ผลเอกซเรย์ปกติ แต่ตรวจเจอเชื้อ อย่างไรก็ตาม เราได้ตรวจสอบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหรือไม่ พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ เนื่องจากคนไข้คนนี้ค่อนข้างระมัดระวังตัว ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ตอนนั่งเครื่องบินนั่งคนเดียว ไม่มีคนนั่งข้างๆ ตอนมาอยู่โรงแรมทำระบบไม่กักตัว(Test and Go) เขาสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ซึ่งทางกรมควบคุมโรคได้มีการติดตามเฝ้าระวังผู้มีประวัติใกล้ชิดทั้งหมด โดยขณะนี้ทุกคนที่เราตรวจสอบอาการปกติ ไม่เจอเชื้อ แต่ก็จะติดตามต่อเนื่องตลอดระยะฟักตัวของเชื้อ” นพ.โอภาส กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีไฟเซอร์ 2 เข็มเอาไม่อยู่ นพ.โอภาส กล่าวว่า อย่างที่นำเรียนว่า ข้อมูลข่าวสารเรื่องการติดเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่เป็นความเห็น ความรู้สึกมากกว่าข้อเท็จจริง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะรวมข้อมูลทั้งหมดมาแจ้งให้ทราบ อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อจากโอไมครอน ต่างจากสายพันธุ์อื่นหรือไม่ ต้องบอกว่า เบื้องต้นไม่แตกต่างกัน ยังติดต่อผ่านละอองฝอยเป็นหลัก การติดต่อผ่านลม ผ่านอากาศเจอน้อยมาก จะเจอในบางกรณีคือ ห้องอับ หรือห้องที่มีการแพร่กระจายเชื้อสูง ไม่ได้แพร่ทางอากาศทั่วๆ ไป
ส่วนเรื่องวัคซีน ไม่ว่าชนิดไหนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ 100% แต่มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ รวมทั้งข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขที่นำเรียน ซึ่งผ่านการวิเคราะห์ โดยไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีการใช้วัคซีนหลายยี่ห้อ และพบประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันติดเชื้อ 50-80% แต่สามารถป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ค่อนข้างดีมากในระดับ 80-90% ขึ้นไป ดังนั้น หากพูดถึงประสิทธิผลต้องพูด 2 ส่วนคือ ส่วนหนึ่งการป้องกันการติดเชื้อ และอีกส่วนช่วยลดความรุนแรงของการติดเชื้อ
“ขอยืนยันว่า วัคซีนยังป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ จึงถือว่ามีประสิทธิภาพถ้าเทียบกับการไม่ฉีดวัคซีนเลย” นพ.โอภาส กล่าว
ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ขอย้ำว่า ตอนนี้เมื่อเดินออกจากบ้าน ศัตรูของสายพันธุ์โควิดที่จะทำอันตรายของเรา คือ เดลต้า ยังไม่มีโอไมครอน ดังนั้น ต้องฝากให้คิดว่า หากไม่ฉีดวัคซีน ก็จะตัวเปล่าไม่มีอะไรปกป้องเลย จึงขอความกรุณาว่า แม้จะมีผู้หวังดีเตือนว่า ในอนาคตจะต้องมีวัคซีนรุ่น 2 รุ่น 3 เพื่อสู้สายพันธุ์นี้โดยตรง แต่ตอนนี้เราต้องอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับความเป็นจริง ควรมาฉีดวัคซีนกัน ซึ่งมีอีก 30-40% ยังไม่มาฉีด ขอให้มาฉีดวัคซีน เพื่อความปลอดภัยของท่าน และครอบครัว
ข่าวเกี่ยวข้อง :
- เปิดความอันตราย "โอไมครอน" โควิดสายพันธุ์ใหม่ ไทยพร้อมรับมือหรือยัง?
- ต้นตอแพร่เชื้อโควิด-19 มาจากไหน? หมอมนูญ เผยข้อมูลนักวิทย์สหรัฐฯล่าสุด
- หมอธีระ เผยงานวิจัยล่าสุด ปัจจัยที่มีผลต่อการกลายพันธุ์ "โอไมครอน"
- โอไมครอน! "หมอธีระวัฒน์" แนะจับตา 3 ประเด็นสำคัญฉีดวัคซีนครบแล้วยังติดได้
- หมอโอภาส เปิดไทม์ไลน์ โอไมครอนรายแรก ชี้ ผู้สัมผัสน้อย ยัน วัคซีนยังกันตายได้ ดีกว่าไม่ฉีด
- นายกฯ ยัน! ยังไม่เปลี่ยนนโยบาย หลังพบผู้ติดเชื้อ "โอไมครอน" รายแรก
--------------------
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก
กดเลย >> community แห่งความบันเทิง
ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี