เลขาสมช. กราบขอโทษคนไทย ทำเดือดร้อนเลื่อนฉีดวัคซีน สยบเกาเหลา 3หน่วยงาน
เมื่อเวลา 11.40 น.วันที่ 14 มิถุนายน ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) สั่งการให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (ผอ.ศปก.ศบค.) พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมแถลงชี้แจงหลังเกิดปัญหาความขัดแย้งการกระจายวัคซีนโควิด-19 ระหว่างกทม. และสธ.
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขอยืนยันว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาศบค. บูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของวัคซีนทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทุกส่วนราชการตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ มีประชากรไทยมีทั้งหมด 67 ล้านคน นโยบายของนายกฯ ในฐานะผอ.ศบค. ต้องการให้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกคนในประเทศ รวมทั้งชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยประมาณ 2.6 ล้านคน โดยสธ. มีหลักการว่าการฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่นั้นจะต้องฉีดร้อยละ 70 ซึ่งจะต้องฉีดให้กับประชากรจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 50 ล้านคน เมื่อมีเป้าหมายเช่นนี้ เราจึงจำเป็นต้องเตรียมวัคซีนสำหรับประชากร 50 ล้านคน คือ 100 ล้านโดส ซึ่งสธ.ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วจำนวน 100 ล้านโดสในปี 2564 โดยแบ่งเป็นซิโนแวคประมาณ 8 ล้านโดส แอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส ไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน อีก 5 ล้านโดส รวมเป็น 94 ล้านโดส ในส่วนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 5 ล้านโดส จะมีค่าของวัคซีนมากกว่าชนิดอื่น 2 เท่า จึงทำให้ถ้าเรารวมวัคซีนทั้งหมดเรามีวัคซีนประมาณ 99 ล้านโดส นอกจากนั้นในปัจจุบันสธ. ได้เตรียมจัดการหาซื้อเพิ่มเติม จึงยืนยันได้เลยว่าวัคซีนของประเทศไทยมีเพียงพอ สำหรับประชาชนที่จะฉีดให้กับประชาชนจำนวน 50 ล้านคน ภายในปี 2564 อย่างแน่นอน
เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า สำหรับแผนการฉีดวัคซีน ที่ศบค.หารือกับสธ. ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นมาถือเป็นวาระแห่งชาติ ในการฉีดวัคซีน โดยในเดือนมิถุนายน จะฉีดวัคซีนประมาณ 6 ล้านโดส เดือนถัดๆ ไป จะฉีดเดือนประมาณเดือนละ 10 ล้านโดสเป็นอย่างน้อย ทำให้เราสามารถฉีดวัคซีนครบเข็มแรกจากจำนวนประชากร 50 ล้านคน ภายในประมาณเดือนกันยายนหรืออย่างช้าเดือนตุลาคม
“การวางแผนที่ดีที่สุด และไม่เกิดปัญหาเลยคือ เมื่อได้วัคซีนมาแล้วค่อยมาวางแผนฉีด แต่จะทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการ เพราะฉะนั้น ศบค.จึงร่วมกับสธ. วางแผนล่วงหน้า หรือประมาณการณ์ว่าวัคซีนนั้นจะเข้ามาอย่างไร ดังนั้น เมื่อเกิดความคาดเคลื่อนกรณีที่วัคซีนไม่เข้ามาตามแผนก็ต้องมีการปรับแผน ดังนั้น การเตรียมการล่วงหน้า การจองเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีน จึงทำให้ต้องมีการเลื่อนกันบ้าง ซึ่งต้องกราบขออภัยประชาชน แต่อย่างไรก็ตามในภาพรวม ผมยืนยันว่า ทุกอย่างยังเป็นไปตามกำหนดการ และเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละเดือน จึงมีความจำเป็นที่ต้องเลื่อนการฉีดบ้าง แต่ก็มีการเตรียมการแก้ปัญหาเมื่อวัคซีนเข้ามา คนที่ถูกเลื่อนออกไปจะได้รับการฉีดในอันดับแรกๆ และยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาศบค.ร่วมหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทุกหน่วยงาน และทุกส่วนราชการทั้ง สาธารณสุข มหาดไทย ต่างประเทศหรือกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่าบูรณาการงานกันอย่างสอดคล้อง การทำงานเป็นไปด้วยดี” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะแก้ปัญหาความไม่เชื่อมั่นของประชาชนกรณีเรื่องวัคซีนการเมืองอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวยืนยันว่า ไม่มีวัคซีนทางการเมืองอย่างแน่นอน ยืนยันว่าทุกคนทำงานตามกรอบและนโยบายศบค.ยืนยันว่าไม่มีประเด็นดังกล่าวแน่นอน
“ขอยืนยันอีกครั้งว่า ตั้งแต่เข้ามาบริหารสถานการณ์สถานการณ์โควิดมาเป็นเวลากว่า 14 เดือน ผมรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เกิดเป็นคนไทย เพราะเราได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของประเทศต่างๆ ทั่วโลก พบว่าคนไทยให้ความร่วมมือกับมาตรการของศบค.เป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความตั้งใจที่จะทำงานให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นสิ่งใดก็ตามที่อาจจะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบไปบ้างก็ต้องกราบขออภัยมา ณ โอกาสนี้” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
เมื่อถามว่า ปัญหาในเรื่องกระจายวัคซีนเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯ ในฐานะผอ.ศบค.จะออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของนายกฯ เมื่อถามย้ำว่า วันนี้ถือว่าสยบข่าวเกาเหลาระหว่างสาธารณสุข และกทม.ได้แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ยิ้มพร้อมกับว่า ก็คุยกันดี เมื่อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการสื่อสารใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ไม่ตอบคำถาม