รีเซต

เจาะบทบาท “ลูกสาว-ผู้นำประเทศ” – สรุปภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เจาะบทบาท “ลูกสาว-ผู้นำประเทศ” – สรุปภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
TNN ช่อง16
25 มีนาคม 2568 ( 18:37 )
11

จาก "ชั้น 14" ถึงใจกลางสภา – ปมใหญ่ที่ต้องตอบ

“ดีลกับปีศาจเพื่อนำพ่อกลับมา” – ประโยคนี้จากนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.ฝ่ายค้าน คือชนวนสำคัญที่ทำให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องลุกขึ้นชี้แจงด้วยตัวเอง ท่ามกลางเสียงฮือฮาทั้งในและนอกสภา ประเด็นนี้ไม่ได้แค่สะท้อนคำครหาเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่ยังโยงไปถึงความเชื่อมั่นในสถาบันราชการ การใช้อำนาจ และความยุติธรรมที่สังคมตั้งคำถาม

นายกฯ ยืนยันชัดว่า “ตอนคุณพ่อออกจากโรงพยาบาลชั้น 14 ดิฉันยังไม่ได้เป็นนายกฯ” พร้อมย้อนกลับไปถึงช่วงชีวิตที่เธอเติบโตมาท่ามกลางความไม่ยุติธรรม เห็นพ่อโดนลอบสังหาร ถูกยึดทรัพย์ และถูกตัดขาดจากบ้านเกิด “สิ่งเหล่านี้ทำให้ดิฉันเติบโตอย่างมีสติ” เธอกล่าวอย่างหนักแน่นในสภา


ดีลลับหรือความตั้งใจ? – คำถามที่ต้องมีคำตอบ

ในสายตาฝ่ายค้าน การกลับมาของนายทักษิณ ชินวัตร คือผลจาก “ดีลลับหลังตั้งรัฐบาล” แต่ในคำชี้แจงของแพทองธาร เธอยืนกรานว่าเป็นการตัดสินใจของพ่ออย่างเด็ดเดี่ยว “ท่านอายุ 75 ปี อยากกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย อยู่กับลูกหลาน” พร้อมเล่าความทรงจำช่วงโควิด ขณะตั้งครรภ์ 7 เดือน เดินทางไปหาพ่อที่ต้องอยู่คนละประเทศ – นี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่คือภาพของครอบครัวที่ต้องพลัดพราก

และที่สำคัญ เธอกล่าวว่า “ไม่ว่ารัฐบาลจะจัดตั้งโดยใคร ท่านก็จะกลับมาอยู่ดี เพราะมันคือความตั้งใจของท่าน ไม่ใช่เรื่องดีล”

“อย่าดูถูกข้าราชการไทย” – เมื่อศรัทธาต้องถูกยืนยัน

อีกจุดที่นายกฯ ตอบโต้แรง คือการพูดถึงการรักษาของนายทักษิณ ที่โรงพยาบาลตำรวจ “ถ้าแพทย์วินิจฉัยว่าป่วย ก็ต้องเชื่อแพทย์” พร้อมเปิดเผยว่าพ่อป่วยหนักช่วงโควิด น้ำหนักลด ผมร่วง มีแผลที่ปอด และต้องผ่าตัด “ท่านจะบอกว่าคนวัย 70 ป่วยไม่ได้หรือ?” นายกฯ ตั้งคำถามกลางสภา

พร้อมทิ้งท้ายว่า “ขอให้เคารพข้าราชการ อย่าดูถูกระบบราชการของไทย ทุกอย่างตรวจสอบได้” และยืนยันว่าในฐานะนายกรัฐมนตรี เธอไม่เคยใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการใดๆ

แม่ ลูก หัวหน้ารัฐบาล – “ขออย่าขอให้ลาออกจากความเป็นลูก”

คำกล่าวนี้ของนายกฯ สะเทือนใจหลายคน เพราะการอภิปรายของฝ่ายค้านไม่ได้ตั้งคำถามแค่การทำงาน แต่ยังแตะลึกไปถึงบทบาทส่วนตัวของเธอในฐานะลูกสาวของอดีตนายกฯ

“ดิฉันสวมหมวกของนายกรัฐมนตรี และทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ แต่ในขณะเดียวกัน ดิฉันคือ ‘ลูกสาว’ ของนายทักษิณ ชินวัตร และภูมิใจในสิ่งนั้น” เธอกล่าว พร้อมขอให้วิจารณ์การทำงาน มากกว่าความเป็นลูกหรือแม่

งานที่ต้องเดิน – สงครามคอลเซ็นเตอร์ ดิจิทัลวอลเล็ต และเศรษฐกิจในมือผู้นำรุ่นใหม่

แม้การอภิปรายจะดุเดือด แต่นายกฯ ก็ไม่ลืมสื่อสารภาพรวมของรัฐบาล โดยเฉพาะการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ที่ตัวเลขระบุชัดว่า “คดีคอลเซ็นเตอร์ลดลงถึง 67% ความเสียหายลดลงจาก 100 ล้าน เหลือ 50 ล้านต่อวัน” ด้วยการตัดไฟ-ตัดซิม-ตัดอินเตอร์เน็ต ซึ่งรัฐบาลจีนเองยังชื่นชม

ขณะเดียวกัน นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้จะถูกโจมตีว่าผิดหลักการ แต่รัฐบาลย้ำว่า “อาจไม่ตรงปก แต่ตรงเป้า” และรอบที่ 3 จะเป็นเวอร์ชันเต็มรูปแบบแบบดิจิทัล พร้อมโยงเข้ากับนโยบายสร้างคน เช่น “1 อำเภอ 1 ทุน” เตรียมคนสู่อนาคต

คำถามที่ยังไม่จบ – มติจะพลิกหรือแค่ผ่าน?

การอภิปรายจะสิ้นสุดลงในคืนวันที่ 25 มีนาคม 2568 ก่อนมีมติในเช้าวันที่ 26 มีนาคม ท่ามกลางคำถามจากฝ่ายค้าน และเสียงโต้กลับจากรัฐบาล เส้นแบ่งระหว่าง “ความเป็นลูก” กับ “ความเป็นผู้นำ” ยังไม่จางหาย

แต่สิ่งที่ชัดเจนในฟากของแพทองธาร ชินวัตร คือ เธอพยายามวางตัวให้ชัด ทั้งในฐานะลูกที่รักพ่ออย่างสุดหัวใจ และในฐานะนายกรัฐมนตรีที่พร้อมทำหน้าที่เพื่อประชาชน

“ถ้าจะวิจารณ์ ขอให้วิจารณ์ที่การทำงาน ไม่ใช่ความเป็นลูก” – ประโยคทิ้งท้ายของนายกฯ ที่อาจไม่ใช่แค่คำชี้แจงในสภา แต่คือเสียงสะท้อนถึงสังคมไทยทั้งหมด ว่าเรากำลังมองนักการเมือง ด้วยสายตาที่เป็นธรรมแล้วหรือยัง?

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง